[AU Fic] Fantastic beasts :black deer ch.3
Pairing : gradence / Ezracolin
Reta : PG-13
จากคนเขียน:เนื่องด้วยฤดูนี้คือฤดูในการสอบตรงการอัดจึงช้า
แต่จะแต่งแบบสะสมจึงได้อัพมากกกกก แต่สัญญาว่าจะอัพไม่ดองแน่นอนค่ะ//หน้าจิงจัง
.......................................................................................................................................................................
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่น่าเบื่อสำหรับ”คอลิน
ฟาร์เรล”ชื่อนี้คือชื่อแรกที่เขาใช้ตอนเป็นคนแต่ชื่อจริงๆของเขานั้นเขาเลิกใช้ไปแล้วก็เพราะมนุษย์มันยุ่งยากที่ต้องมีนามสกุลเขาเลยตั้งใหม่มันซะเลย ตอนนี้เขากำลังเดินสำรวจป่าด้วยร่างของกวางสีดำเขาทำแบบนี้ประจำทุกวันเพื่อไม่ให้ใครล่วงล้ำบ้านใหญ่ที่ที่เขาโดนเก็บไปเลี้ยงมันคือบ้านร้างในป่าลึกถึงจะเรียกว่าบ้านแต่มันก็เล็กกว่าคฤหาสน์นิดเดียวเท่านั้นด้วยความดูแลของเขาจึงมีเพียงเจ้าหน้าที่ป่าไม้เท่านั้นที่เห็นเคยมัน
เขาเดินไปตามทางด้วยความชำนาญเขาจำเส้นทางของป่านี้ได้หมดและไม่นานมานี้เขาพบกลุ่มคนมาลักลอบมาตั้งฐานในป่านี้เขาสืบมาได้คราวๆคือพวกมันจะมาแลกเปลี่ยน
อาวุธ ยาเสพติดและอวัยวะเถื่อนกัน
จริงๆเขาจะปล่อยมันผ่านไปก็ได้แต่ช่วงชีวิตที่ยาวนานของเขา เขาก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปมันเลยมีศีลธรรมแบบมนุษย์ฝังในตัวเขา
เห็นอย่างนี้ตอนใช้ชีวิตในเมืองเขาเป็นถึงตำรวจเลยนะถึงมันจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว
ด้วยอาชีพนี้ทำให้เขาคิดอะไรแบบมนุษย์เข้าใจมนุษย์และรักแบบมนุษย์ด้วยสิ่งเหล่านั้นทำให้เวลาที่เขากำลังสำรวจป่าเจอคนที่เดือดร้อนเขาจึงต้องช่วยทำที่ทำได้
จริงๆเขาแค่อยากช่วยเท่านั้นแต่ไม่รู้ว่ามันเริ่มกลายเป็นตำนานไปตั้งแต่เมื่อไร
จนมีช่วงที่น่ารำคาญเอามากๆเลย
โดยปกติแล้วการหลบกระสุนมันง่ายเอามากถึงจะยากในช่วงแรกแต่ต้องหลังจากที่โดนล่ามายาวนานเขารู้มุมยิงและหลบมันด้วยความชำนาญ
ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมที่เขาสร้างมันเองซึ่งส่วนใหญ่เขามักจะนอนในป่าซะมากกว่าและจะออกไปที่เมืองสัปดาห์ล่ะครั้งเพื่อซื้อของยิ่งช่วงนี้เป็นฤดูล่าแล้ว
เด็กหลงก็มีแถมยังเจอเรื่องร้ายๆเพิ่มอีกจนเขาแทบไม่ได้พักเลย
“ซวบๆ “ เสียงของฝีเท้าปริศนาเข้ามาในโสตประสาททำให้เขาชะงักก่อนจะหันไปทางเสียง
‘ใครมาทำอะไรในเขตสงวน พวกนั้นอีกหรอ’
เขาเดินขึ้นไปบนเนินใกล้ๆและเขาก็พบคนๆนั้นเขาไม่ใช่กลุ่มคนที่เขากำลังเฝ้ามองแต่สิ่งที่พบนั้นทำให้ตัวเขาต้องเบิกตากว้าง
‘ไม่ๆ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่อีกล่ะ’
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาทันทีที่เขาพบคนที่เป็นต้นเสียง
เขาจำเด็กคนนี้ได้เด็กที่มีหน้าเหมือนกับคนที่เก็บตนมาเลี้ยงแต่ ทำไมถึงอยู่ที่นี่
‘ทางนั้นมัน ที่เจ้าพวกนั้นอยู่นิ ต้องทำอะไรซักอย่าง’ เขาคอยวิ่งตามไปและเว้นระยะห่างพอสมควร
‘เด็กนั้นมีกล้องนิ บางทีอาจจะใช้มันเป็นหลักฐานได้’
เขาตามไปเรื่อยๆและเด็กคนนั้นก็พบกลุ่มคนที่เขาเฝ้ามองอยู่เขารอจนเด็กนั้นถ่ายรูปเสร็จแต่ดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะเริ่มรู้ตัวว่ามีคนมาป้วนเปี้ยน จริงๆแล้วเขาไปก่อกวนพวกมันบ่อยๆนะแต่ตอนนี้มีเด็กนั้นและพวกมันก็มีปืนอยู่เนี้ยสิ
‘ต้องดึงความสนใจก่อนที่พวกนั้นจะพบเด็กคนนั้น’ เขาตัดสินใจส่งเสียงร้องออกมาสุดเสียงเป็นไปตามคาดพวกมันหันมาสนใจเขา
‘เกมล่าเริ่มแล้วสินะ’ เขาออกตัววิ่งอย่ารวดเร็วเขาเลือกวิ่งไปที่โซตที่มีต้นไม้และพวกพุ่มไม้เยอะด้วยเขาทิ้งระยะห่างไปพอสมควร
เขาเข้าไปซ่อนตัวที่พุ่มไม้แถวนั้นรอจนพวกนั้นวิ่งผ่านไปแต่ตอนที่เขากำลังจะออกจากที่ซ่อนเขากลับได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาแต่พอมองไปกลับกลายเป็นเด็กนั้นวิ่งมาและยังเป็นจังหวะเดียวกับมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังเดินเข้ามา
‘เอาว่ะ!!’
เขายืนหัวไปงับเสื้อหนาวและกระชากเข้ามาในพุ่มไม้ด้วยกันเขาเอาหัวกดตัวเด็กคนนั้นให้ชิดกับตัวเขาจริงๆไม่จำเป็นต้องทำมันก็ได้แต่อาจจะเพราะความรู้สึกลึกๆที่มันคิดถึงคนๆนั้นก็ได้ทำให้ทำแบบนี้
“เฮ้ หวัดดี” ประโยคนี้ทำเอาเขาถอดหายใจแรงๆไปที เด็กบ้า
ไม่รู้สถานการณ์เอาซะเลย
และทุกต้องเงียบลงเมื่อเสียงฝีเท้าใกล้กับจุดที่พวกเขาหลบอยู่
มีสามคนเดินผ่านมาแถมยังอาวุธครบมือด้วย
‘ให้ตายสิ คงปล่อยเด็กบ้านี่ไม่ได้ คงต้องพากลับบ้านอีกแล้วสินะ’
หลังจากที่พวกนั้นผ่านไปไกลพวกเราก็ออกจากที่ซ่อนตัว
‘คงซ็อคสินะ’ เขามองเด็กนั้นก่อนจะปลอบด้วยวิธีเดิมๆที่เคยใช้สุดท้ายเขาย่อตัวให้เด็กนั้นขี่
เพราะเห็นว่าเดินทางมาไกลและเขายังต้องใช้ประโยชน์อยู่หรอนะ
ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมลดตัวมาให้ขี่หรอก
เขาเดินมาจนถึงบ้าน เขารอเด็กนั้นเข้าบ้านไป
ตอนนี้เขาตัดสินใจได้ว่าคงต้องเฝ้าเพื่อพวกนั้นมาเจอเขาจะช่วยถ่วงเวลาได้บ้าง ถ้าตอนเช้าเด็กคนนี้ปลอดภัยเขาคงต้องขโมยกล้องนั้นไปให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เขาสนิทอยู่
ในระหว่างที่ปล่อยให้เด็กนั้นบ่นเรื่องต่างๆนานาเขาก็เดินนั่งพักใกล้ตู้เสื้อผ้าเด็กนั้นลื้อเป๋ของตัวเองก่อนจะหยิบกระป๋องถั่วออกมาเปิดและวางตรงหน้าเขา
‘ฉันไม่ใช่หมานะ’ เขาขมวดคิ้วหันมองเด็กนั้นที่ตอนนี้มีความสุขกับการกินอาหารบนโต๊ะเขาได้แต่กรอกตาอย่างเอื่อมระอา
’อย่างน้อยก็หยิบชามตรงนั้นมาเทให้เขาไม’เขาไม่แตะอาหารตรงหน้ารอจนเด็กนั้นหันกลับมาเจอ
“อา ผมนี่โง่จริงๆ”
เด็กนั้นหยิบกระป๋องเขาเริ่มมีความหวังแต่มันก็โดนปาทิ้งเมื่อเด็กนั้นเทลงที่มือตัวเอง
‘เวร!!!!! ใครจะไปกิน เขาไม่ใช่หมานะ’ เขาไม่ยอมกินจนเด็กนั้นเริ่มมีน้ำโห
เอากระป๋องไปวางที่โต๊ะและเข้านอน
‘รอให้หลับก่อนล่ะกัน’ เขารอจนเด็กนั้นนอนนิ่งๆเขาก็ลุกขึ้นมาก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์
เขาบิดตัวซ้ายขวาคลายความเมื่อย การที่ต้องแบกคนตัวหนักแบบนั้นมันทำเขาปวดหลังเลย
อายุเขาก็ไม่ใช่น้อยแล้ว
เขาเดินไปหยิบช้อนแบะมุ่งไปที่โต๊ะอาหารตักถั่วเข้าปากรัวๆด้วยความหิวทั้งวันเขายังไม่ได้ทานอะไรเลยแต่เหมือนการกินของเขาจะโดนขัดขวางเมื่อเด็กบ้านั้นดันตื่นขึ้นมาแถมส่องไฟฉายมาที่เขาอีก
ยังไงเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรสักหน่อย
“โอ้ว หวัดดีฉันคิดว่านายจะหลับซะแล้ว”
เขาปิดบทสนทนาก่อนเพื่อดึงสติเด็กบ้านี่ให้หยุดทำหน้าเอ๋อๆสักที
หลังจากที่การโถ้เล็กๆเขากึ่งบังคับเด็กนั้นให้รวมมือกับเขาในการจับพวกนั้นเข้าคุกเหมือนเจ้าตัวจะอึ้งเล็กๆแต่ก็ตอบตกลง
“ดี
แต่ว่าเรายังได้รูปยังไม่ครบทุกคนเราจะเข้าไปอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ตอนนี้เธอก็นอนให้สบายไปก่อน
ตอนนี้ฉันต้องออกไปทำธุระก่อน” เขาพูดพร้อมกับตักถั่วเข้าปากอีกครั้งและมองหน้าอึ้งๆนั้นอีกครั้งมันทำเขาเกือบหลุดขำ
“ใส่เสื้อผ้าก่อนไมคับ” เด็กนั้นยิ้มแห้งๆให้เขาเมื่อเขาลุกขึ้นและกำลังเดินไปที่ประตู
“เธอเคยเห็นกวางใส่เสื้อไมล่ะ อ้อ เข้าออกไปไหนก่อนฉันกลับมาล่ะ
ฉันจะกลับมาในตอนเช้าหวังว่าจะเจอเธอนะ” เขาชี้นิ้วสั่งก่อนนะเดินออกจากบ้านแต่เด็กนั้นขัดขึ้นมาก่อน
“ถ้าผมช่วยคุณผมขอถามเรื่องของคุณได้ไมถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยน”
“ฉันจะคิดในระหว่างที่ทำธุระล่ะกัน”เขาก็เดินออกจากบ้านและกลับร่างกวางดำตามเดิม
เขาจะไปพบกับเพื่อนเจ้าหน้าที่ที่เขตแคมป์ตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำซึ่งถือว่ามันอำนวยต่อเขาด้วย
เขาเดินเข้าป่าด้วยความหวังว่าจะกลับมาแล้วเจอเด็กนั้น
ในด้านของเอซร่าเจ้าตัวกำลังตื่นเต้นเอามากเขาไม่ได้กลัวเรื่องแบบนี้
จริงๆก็เตรียมใจมาเจอเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่แล้วแต่นี่มัน สุดยอดไปเลย
เขานอนลงด้วยใจที่เต้นแรง
‘เขากำลังจะได้เป็นคนที่รู้เรื่องของตำนานที่มีชีวิต’
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น