วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนพิเศษ1 ต้นกำเนิดพรานสุข


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนพิเศษ1
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง]
Pairing: ยักษ์กินอ๊อด/ทมิฬติดพันธ์
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
……………………………………………………………………………………………………


สายลมพัดเอื่อยๆ เกลียวคลื่น แมกไม้ส่งเสียงเซ็งแซ่ กลิ่นไอแดดและทะเลปะทะเข้ากับจมูกสันโด่ง แดดยามสายส่องปะทะกับร่างสูงวัยสันทัดนั่งขะมักเขม้นอยู่ที่ระเบียง มือกร้านจากการจับดาบทำศึกนั้นกำลังไถ่ใบมีดแกะสลักไม้เป็นเหล่าสรรพสัตว์ สายตาคมเหลือกเห็นร่างสีม่วงเทาได้จากไกลๆ สองมือวางอุปกรณ์ลงจัดแจงเตรียมของลงกระด้ง ร่างอันไม่มั่งคงลุกขึ้นมุ่งหน้าเข้าไปในเรือน


“ ท่านพันธ์ ท่านอยากกินปลาอะไรระหว่าง กะพงขาวกับกระโทง “  บากวางปลาใหญ่ทั้งสองนี่ยังไม่รวมเหล่าปลาเล็กยิบย่อยอีกเกือบสิบตัว


“ คราวนี้ข้าให้เอ็งเลือก รับหน่อย “ จมื่นส่งขันน้ำให้อีกฝ่าย


ตอนนี้เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่บุรุษทั้งสองอาศัยอยู่ในเรือนเดียวกันและอีก 1 ปีที่มีอ๊อดอยู่ด้วย พรานทมิฬจะเป็นฝ่ายค่อยล่าปลาและสัตว์ต่างๆกับอ๊อดที่ค่อยดูแลเรื่องต่างๆในเรือนและหาสมุนไพรแต่เมื่อมีเรื่องที่ไม่คาดคิดนั้นเกิดขึ้น ทำให้หน้าที่ส่วนใหญ่กลายเป็นของพรานโดยปริยายแต่ก็มีบางครั้งที่จมื่นลุกขึ้นมาจัดการเอง ส่วนครูมวยนั้นหลังจากเหตุการณ์บุกของยักษาในครั้งนั้นก็รอดมาด้วยกันในสภาพสะบักสะบอมแต่ครูช่างบุญน้อยนักมิได้อยู่ดูความสำเร็จของศิษย์ของตน


“ ข้าอยากกินแกงเหลืองฝีมือท่าน “ น้อยครั้งที่พรานจะเอ่ยปากอยากกินอะไรเป็นพิเศษและมักแถมมาด้วยแขนพิเศษทุกครา อาจเป็นเพราะความบังเอิญหรือลางสังหรณ์จมื่นเองก็ไม่มั่นใจนัก


“ เอ็งคิดว่ารอบนี้ใครจะมา “


“ ข้าคิดว่าอาจจะเป็นอ๊อดก็เป็นได้นะ “ จมื่นรับขันน้ำกลับคืนและเดินกลับเข้าไปในเรือนโดยมีบากเดินหิ้วปลาตามเข้าไป ทั้งสองทำหน้าที่ของตนเองกันอย่างคล่องแคล่วบากชำแหละเอาเครื่องในปลาทั้งหมดออก ขอดเกล็ด แบ่งส่วนไว้ 3 ส่วน กิน แลกและตากแห้งไว้กิน เมื่อแยกเรียบร้อยจึงนำกะพงมาสับเป็นชิ้นใส่จานดินเผาลุกเดินไปยังจมื่นพันธ์ที่นั่งหั่นเตรียมเครื่องต่างๆ


“ ให้ข้าช่วย “ บากวางจานลงสวมกอดร่างเล็กกว่าจากด้านหลังอย่างออดอ้อน


“ เอ็งไปพักเถอะ บาก เอ็งตื่นตั้งแต่ไก่โห่ แค่นี้ไม่ได้หนักหนาหรอ “ ถึงจะเอ่ยปากไล่แต่เผ่าทมิฬคนนี้กลับไม่ที่จะล่ะไป ซ้ำยังแย่งมีดจากมือด้วย


“ ข้าจะหั่นให้ ท่านไปเตรียมตั้งหม้อเถอะ “ จมื่นยอมจำนนแต่โดยดีละไป


ทั้งสองจัดเตรียมอาหารเสร็จก็ล่วงไปจนเที่ยงสองมือยกสำรับไปวางนั่งกินกันที่แคร่ตรงระเบียบบ้าน บรรยากาศความอบอุ่นของทั้งคู่อยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มสีน้ำผึ้งผ้าคลุมสีหม่นพริ้มสะบัดสองมือหอบสัมภาระมาเต็ม


“ พ่อจ๋า พี่บาก ฉันกลับมาแล้วจ๊ะ “ เสียงเจื้อยแจ้วสดใสเอ่ยทักทั้งสองคนเรียกสายตาไปทางต้นเสียงความปริ่มเปรมในใจของทั้งสามคน เสียงการถามไถ่การเดินทางตลอดเวลาที่ร่วมวงทานอาหารกัน


“ พ่อจ๊ะ ตอนฉันไปที่เมืองของอสูรสีชาด ฉันเอาสมุนไพรดีติดมาด้วยจ๊ะ เห็นว่ามีสรรพคุณช่วยขาของพ่อด้วยนะจ๊ะ “ อ๊อดหยิบห่อใบตองสู่สายตาอีกสองคน


“ พ่อจ๊ะ เดี๋ยวฉันไปต้นมาให้นะ พ่อจะได้แข็งแรงๆ “ ยังไม่ทันที่จมื่นเอ่ยคำใดๆอ๊อดกุลีกุจอวิ่งไปครัวก่อเตาตั้งไฟโดยมีบากเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ คนเป็นพ่อได้แต่มองอยู่ห่างๆ


อย่างน้อยเอ็งก็ยังยิ้ม อ๊อด


ร่างสูงวัยมองลูกบุญธรรมด้วยความรู้สึกที่หลากหลายสลับปนเปกัน ทั้งดีใจที่แวะเวียนกลับมาเยี่ยมเยียนเจอกัน ความเวทนาในชะตาของเจ้าตัว ความรู้สึกผิดที่เป็นอีกหนึ่งคนที่ผลักดันในลูกคนนี้ต้องกลายเป็นสิ่งที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ สมเพชตนเองที่ช่วยอะไรใครไม่ได้สักคน สิ่งที่ทำให้ได้คงมีเพียงอธิษฐานให้อย่างน้อยลูกบุญธรรมของเขาคนนี้ได้เจอคนเคียงข้างดังตนในตอนนี้ ตัวเขาไม่มั่นใจนักที่จะบอกความความสัมพันธ์ของตนเองกับผู้อาศัยร่วมกัน ความสัมพันธ์อันเกินเลยอย่างไม่อาจย้อนกลับไป ปัดอดีตที่เจ็บปวดทิ้งล่ะทิฐิลงโอบกอดรับความอบอุ่นสู่จิตใจและร่างกาย


“ พ่อจ๊ะ ยาเสร็จแล้วจ๊ะ “ เสียงเรียกปลดภวังค์ของเขาออก จ้องมองลงไปยังหม้อยาใบเดิมน้ำสีน้ำตาลขุ่นชวนขมวดคิ้วลองตักจิบเพียงนิดเดียวรสขมเฝื่อนกระจายทั่วปาก หากแต่เป็นเรื่องปกติของยาเพียงทนๆเอาหน่อยไม่นานก็หมดหม้อ ร่างกายเริ่มขับเหงื่อมากกว่าปกติที่ควรจะเป็น โลกรอบตัวมึนเคว้งอย่างจับจ้องไม่ได้ น้ำหนักตัวทิ้งลงอย่างควบคุมไม่ได้สู่โอบกอดอันคุ้นเคย


“ มันจะได้ผลแน่หรอ อ๊อด “
.
.
.
.
.
.
.
10 วันผ่านมา


ตลอดสิบวันบากและอ๊อดช่วยกันเฝ้าชายสูงวัย จริงๆแล้วยาสมุนไพรนั้นเป็นยาลับของแม่มดขาวในนครคีรีกัณฑ์ที่ช่วยการตั้งครรภ์ของสตรีที่มีบุตรยากหรือเป็นบุรุษที่อยากมีลูกโดยที่ไม่มีภรรยา ยาตัวนี้ปรับสภาพร่างกายให้เหมาะกับการมีบุตรซึ่งแลกกับต้องมีไข้สูงตลอด 10 วัน


“ ท่านพันธ์ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง “ เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปรือขึ้นสีหน้าเป็นห่วงของพรานทมิฬคือสิ่งแรกที่เห็น ร่างกายค่อยๆโดนพยุงขันน้ำเย็นฉ่ำส่งเข้าใกล้ๆปากน้ำไหลลงคอบรรเทาความแห้งผากได้อย่างดี



“ ข้าเป็นไข้นานเท่าไร “



“ 10 วัน “



“ 10 วัน!!! “ จมื่นตกใจสุดขีดในชีวิตของเขามีเพียงสองครั้งเท่านั้นที่ล้มหมอนนอนเสื่อยาวนานขนาดนี้ความสงสัยประดังเข้ามาและลางสังหรณ์บอกว่าคนตรงหน้ารู้ว่ายาที่กินคือยาอะไร


“ เจ้ารู้ใช่ไมอ๊อดเอาอะไรให้ข้ากิน “


“ ข้ารู้ มันเป็นยาที่จะทำให้ท่านมีบุตรได้ “ มือยาวลูบไปที่หน้าท้องแร่งที่เต็มไปด้วยกล้าม


“ เราโตๆกันแล้วนะบาก “


“ ใช่ แล้วข้าก็พิสูจน์แล้วด้วย ท่านมีสิ่งที่สตรีมี “ ด้วยคำพูดนี้คนเพิ่งหายไข้รีบปลดผ้านุ่งออก สิ่งสงวนยังอยู่


“ เอ็งหลอกข้า “


“ ข้าพูดจริง เพียงแค่ท่านไม่เห็นต่างหาก “ มือยาวเลื่อนลงแตะบริเวณสงวนไล้ลงผ่านก้อนทั้งสองแตะลงที่กลีบทั้งสอง สัมผัสประหลาดในพื้นที่ที่ไม่เคยมีอยู่สร้างความแตกตื่นอย่างยิ่ง


“ อะไร ตรงนั้นมันอะไร ขะ ข้าไม่เคยมีมัน ”


“ ไม่นานท่านจะรู้เอง “ นิ้วยาวกดลงผ่านกลีบเข้าไปความซาบแล่นริ้วเรียกเสียงครางลั่น ร่างเกร็งทั้งตัวปากอ้าพยายามโกยอากาศเข้าไป


“ ท่านพันธ์ ท่านอยากได้บุตรหรือธิดา “ บากเปลี่ยนตำแหน่งนั่งปัดผ้าห่มออกให้พ้นทางสอดตัวตรงกลางยกขาอันอ่อนแรงให้อ้าออกเผยแก่นที่อ่อนตัวถัดลงนั้นคือกลีบชมพูเรื่อๆ


“ ข้า.....อยากได้บุตรมากกว่า “ คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มบางๆของอีกฝ่าย ทั้งสองโอบกอดกันแลกจุมพิตอันลึกซึ้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวพันอย่างไม่ยอมให้กันผลัดกันรุกล้ำ สะโพกขยับสีกันเพิ่มแรงกำหนัดให้พุ่งโดยไม่สนใจกันว่างมีหนึ่งคนเพิ่งจะฟื้นไข้


“ ครั้งแรกของท่านข้าจะทำเบาๆ “ สองมือเขี่ยเจ้าตุ่มไตชูเด่นอย่างเอาใจ สะโพกก็ขยับสีส่วนสงวนกันไปมา มือข้างหนึ่งละลงมาเตรียมความพร้อมในด้านล่าง ความเปียกแฉะคืออย่างแรที่สัมผัสได้ตามด้วยความนุ่มที่มากกว่ายามปกติที่ได้ทำกัน


“ บาก อย่าโดนตรงนั้น “ จมื่นร้องห้ามยามเมื่อนิ้วไปสะกิดติ่งเม็ดด้านบน ใช่ว่าตัวคนด้านใต้จะไม่รู้ว่าที่โดนไปมันคือจุดไหนของสตรีและใช่ว่าคนด้านบนจะไม่เคยมีสังวาสกับสตรีมาก่อน ทั้งคู่รู้ดีถึงขั้นต่อไป


“ ท่านพันธ์ หายใจลึกๆ ช้าๆ “ บากพูดพร้อมกับแก่นกายอันใหญ่โตทั้งยังมีปุ่มเรียงกันเป็นแนวยาวอยู่ด้านล่างค่อยๆสอดเข้าหาความอบอุ่นด้านใน แรงบีบรัดและเสียดสีทำความอดกลั้นแทบขาดสะบั้น บากค่อยๆสอดอย่างช้าๆจนรู้สึกชนเข้ากับบางอย่างและมันก็ขาดลงอย่างง่ายดาย ความกลัวเกาะกินใจทั้งยังเห็นใบหน้าอันเหยเกอีกจึงตัดสินใจถอนตัวออกมา


“ ข้าขอโทษ ข้าทำท่านเลือดออกอีกแล้ว “ ทั้งที่คิดว่าจะดุด่ากลับเป็นเสียงขำขัน


“ เอ็งไม่เคยกับสาวพรหมจรรย์หรอว่ะ บาก “



“........”



“ ไอ้เนี่ย ถ้ามีเลือดไหลออกมาเท่ากับว่าเอ็งเป็นคนแรกของหญิงคนนั้น คือเอ็งได้ครั้งแรกของข้ามาสองครั้งแล้ว “ เพียงประโยคสั้นๆแต่อานุภาพช่างร้ายแรง


“ ท่านกำลังยุกำหนัดข้า “


“ แล้วใครห้ามยุกัน มาทำกันได้แล้ว “ ครานี้กลับเป็นจมื่นเองที่รุก สองมือกำส่วนที่ชุ่มด้วยเลือดและน้ำหล่อลื่นจ่อมันไปที่ระหว่างกลีบทั้งสอง


 ข้าจะทำให้ร้องเรียกหาแต่ข้า”


“ แล้วทุกวันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นหรือ “ นิ้วยาวกดขยี้เจ้าเม็ดชมพูเรื่ออย่างหมั่นหน่อยๆ แต่เรียกเสียงร้องลั่น แก่นกายสอดเข้าไปจนสุดในคราเดียว เริ่มต้นด้วยจังหวะเนิบๆแล้วเร่งจังหวะสองกายสอดประสานกันดังเช่นที่ผ่านๆมา ความสุขสมปลดปล่อยออกมากันอย่างนับไม่ถ้วนไหลล้นทะลักออกมา ก่อเกิดสิ่งมหัศจรรย์ที่เชื่อความรักนี้ในแนบแน่มากขึ้นไปอีก
.
.
.
.
.
“ ข้าจะตั้งชื่อเด็กว่า สุข มาจากความสุขของข้าและเอ็งไงล่ะ




วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 7


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 7
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
…………………………………………………………………………………………………


การกลับมาอย่างปลอดภัยของยักษาสีชาดสร้างความโล่งใจแก่เหล่าบริพาร ราชาของพวกเขามักจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเสมอ แม้จะมีการค้านหรือเตือนเพียงใดยักษาหัวดื้อตนนี้ก็ยังยืนยันที่จะเข้าไปเสี่ยง ในเมื่อจะทำอย่างไรก็หยุดไม่ได้แล้วเหล่าบริพารจึงต้องหาใครสักคนมาเป็นองครักษ์ ในตอนแรกวีรชนคือตัวเลือกแรกแต่เจ้าตัวปฏิเสธเนื่องจากในตอนนั้นใช่ว่ายักษาทุกตนจะชื่นชอบมนุษย์อีกอย่างยังมีพันธะกับรามเทพนครและบ้านเกิดจึงมิอาจอยู่เคียงได้ตลอดเวลา วีรชนจึงเสนอบุตรของพรานทมิฬที่ตอนนี้ย่างเข้าสู่วัยรุ่น ด้วยความคุ้นเคยและเจอกันบ่อยจากการที่มารตาแวะไปเยี่ยมอ๊อดบ่อยๆจึงเจอกับสุข


หลังจบสงครามอ๊อดเป็นครูสอนมวยในรามเทพนครจนลูกศิษย์แตกฉานในวิชา ห้วงคำนึงอันแรงกล้าภาพการใช้ชีวิตในกลางอันห่างไกล วีรชนทูลลากลับบ้านเกิดพร้อมมีพรานทมิฬตามไปด้วย


การหวนกลับครั้งนี้กลับสร้างความแปลกใจแก่วีรชน ทั้งที่คิดว่าเกาะจะไม่เหลือใครแล้ว บ้านริมหาดอันคุ้นเคยมีร่างของชายสูงวัยนั่งแกะสลักไม้อยู่ ความปรีดาล้นหัวใจของวีรชนสามชีวิตใช้เวลาร่วมอย่างสงบในเกาะนกแอ่นแต่ก็ดำเนินไปได้ไม่นาน  วีรชนกลับค้นพบว่าตนผิดแปลกจากคนสามัญพึงมี จากเหตุการณ์บุกโจนตีของเหล่ายักษาหัวรุนแรง ชีวิตดวงนี้สละเพื่อคนทั้งเกาะ คอโดนสะบั้นร่างร่วงหล่นตามกลางสายของทุกคนเสียงร้องตะโกนดังก้อง ปลุกโทสะของพรานทมิฬเกิดการห้ำหันนองเลือดขึ้น ฉีกสัญญาที่ให้กับร่างอันไร้วิญญาณ ซากของยักษานอนแทบเท้าของพรานทมิฬ


หลุมศพของวีรชนตั้งไว้ที่ริมผาที่เจ้าตัวชอบไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากนั้นสามวันในทุกๆวันพรานทมิฬและจมื่นมักใช่เวลาส่วนใหญ่ที่หลุมศพหากในวันที่สามร่างที่ควรจะไร้วิญญาณกลับตะก่ายขึ้นมาจากหลุมคอที่ควรจะแยกจากกันกลับเชื่อมต่อกันเหมือนไม่เคยโดนสะบั้นมาก่อน  ข่าวการกลับมากระจายไปทั่วเกาะแต่มีส่วนน้อยที่ดีใจความหวาดกลัวในตัววีรชนนั้นช่างถาโถมจนเจ้าตัวเลือกที่จะจากไปฝากฝังพ่อของตนไว้กลับพรานทมิฬ ในช่วงแรกวีรชนแวะเวียนไปพักแรมกับสหายวนกันไป ทุกครั้งที่ไปสิ่งที่มักจะตามมาคือปัญหามากมาย วีรชนจึงต้องเดินทางอย่างไรจุดหมาย ข่าวคราวของพ่อและพรานทมิฬมักจะมาจากมารตาและจดหมายนกอาคมจากพ่อ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวข้ามจากผู้อยู่อาศัยด้วยกัน แผนการสร้างเจ้าตัวเล็กของอ๊อดได้ความร่วมมือจากมารตาไปขอยาจากแม่หมอสีขาวทางเหนือของนคร วีรชนแวะกลับไปเยี่ยมพร้อมยาโดยอ้างว้าเป็นยาบำรุง แผนการสำเร็จจึงเกิดเจ้าตัวน้อยออกมาในคราแรกพรานทมิฬกล้าๆกลัวๆเพราะมิเคยเลี้ยงเด็กแต่ก็ได้จมื่นคอยสอนการเลี้ยงเด็ก


สุข เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการล่าดังเช่นบิดาทั้งยังเรียนรู้วิชามวยจากพี่บุญธรรมและคู่ซ้อมกิตติมศักดิ์เป็นราชานครคิรีกัณฑ์ ที่แวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยครั้ง เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นพี่ชายบุญธรรมแวะมาเยี่ยมพร้อมชักชวนให้เป็นองครักษ์ของสหายยักษา คำชวนโดนตอบรับอย่างรวดเร็วทั้งบิดามารดายังสนับสนุนอีกด้วย ในช่วงแรกการได้อยู่ข้างกายยักษาในใจเกิดความยกย่องจากความยกย่องสู่ความหลงใหล จากความหลงใหลสู่ความลุ่มหลง จากความลุ่มหลงก่อเกิดความหึงหวงจนสุดท้ายพลั้งทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไป หากแต่ราชายักษากลับไม่ถือโทษโกรธใดๆทั้งการสารภาพรักและการล่วงเกิน

วันเวลาผ่านไปองครักษ์หนุ่มรุกไล่อ้อนขอความรักจนราชายักษาใจอ่อนตอบรับความรักที่ตนคิดไว้ว่าจะไม่รักใครอีก ความตั้งใจในการจะบอกถึงความสัมพันธ์นี้ให้กับที่เหลือเพียงสหายของตนแต่พอเจอหน้ากันจริงๆกลับพูดไม่ออกจนถึงตอนนี้ ใบหน้าที่เริ่มมีรอยย่นขมวดคิ้วหนักใจกับสิ่งที่จะต้องเจอ



คืนนี้ ข้าจะไปหาท่านที่ห้องบรรทม โปรดนับยอดโทษของท่านไว้เถิด



สงสัยจะยันเช้าเป็นแน่



ราชายักษานึกอย่างปลงจิต ตอนนี้ก็ค่ำแล้วพี่ชายเขาและอ๊อดคงเข้าห้องบรรทมไปเสพสุขกันแล้ว ร่างสีชาดวางเอกสารราชการลงบิดนวดคอให้บรรเทาความเมื่อยลง



“ ถึงทำเอกสารตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีสมาธิเลย “ มารตาลงเดินกลับห้องของตนระหว่างทางผ่านห้องที่เขาสั่งจัดเตรียมให้ท่านพี่และอ๊อดแว่วเสียงครางดังลอดออกมา



“ ปล่อยออกมาให้เต็มท้องน้องเลยจ๊ะ พี่ทารคา อ๊า!!! “ เสียงครางหวานลั่นออกมา


“ เฮ้อ “มารตาถอดหายใจกับความร้อนแรงที่แทบจะทะลุห้องออกมา สองเท้าเร่งก้าวไปยังห้องตน



“ ท่านมาช้า “ ร่างสีม่วงเอ่ยทัก



“ ทำงานเอกสารเพลินน่ะ “ มือซ้ายยกขึ้นมาจับท้ายทอยโดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เลยว่าเวลาตัวเองพยายามแก้ตัวมือมักจะจับที่ท้ายทอยตัวเอง พฤติกรรมนี้ไม่เคยรอดสายตาขององครักษ์คนนี้ได้



“ เพิ่มอีกหนึ่ง “



“ อะไรนะ? “



“ เพิ่มอีกหนึ่งรอบ “ พรานสุขไม่ว่าเปล่าเดินรุกเข้าใกล้จนประชิดตัวมือทั้งสองเริ่มซุกซนปลดเหล่าเครื่องประดับออกจนเหลือเพียงโจงกระเบนปักด้วยด้ายทองลายวิจิตร ลมหายใจร้อนปะทะกัน ริมฝีปากทาบทับแลกเปลี่ยนสัมผัสวาบหวานลิ้นทั้งสองเกี่ยวพันอย่างไม่ยอมกันผลัดกันรุกไล่กันอย่างเนิ่นนาน มือทั้งสองของมารตาลูบไล้กล้ามท้องปลุกปั่นอารมณ์อีกฝ่ายได้อย่างดี มือทั้งสองของพรานสุขเองก็ขย้ำเจ้าก้อนแน่นทั้งสองบีบคลายซ้ำไปมาทั้งยังกดให้ร่างแนบชิดให้จนสัมผัสถึงสิ่งโป่งพองทั้งสองเสียดสีกัน



 ริมฝีปากทั้งสองผละออกจากกันพรานสุขก้มลงขบเม้นตุ่มไตแข็งขึง ยามใดเมื่อฟันขบกัดพลันกระแสความซ่านแล่นลงล่างพาลให้ช่องทางขยิบเกร็ง ความต้องการอันไม่สิ้นสุดมักทำให้คนเรามักจะทำสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ



มารตาย่อตัวนั่งคุกเข่าเปิดปากไล้สิ่งแข็งขึงผ่านเนื้อผ้า ลิ้นสากรับรสของน้ำที่ซึมอยู่ที่เนื้อผ้า การกระทำนี้ไปกระตุ้นกำหนัดของพรานผู้นี้ สองมือยั้งใบหน้าไว้ก่อนเร่งปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางสุดท้าย ความใหญ่โตปรากฏต่อหน้ามารตา ปากใหญ่เข้าครองแท่งร้อนลิ้นสากไล้ตามตุ่มนูนด้านล่างของแท่นร้อนนี้ ความยาวของแท่งร้อนแทบทำเอาสำลัก ดวงตาสีฟ้าทะเลเหลือกขึ้นจ้องร่างสันทัด หากตาคนที่มองลงมามันช่างยั่วเย้าเหลือเกิน สะโพกแกร่งขยับกระแทกเข้าออกอย่างเอาคืนสลับกับศีรษะที่ขยับด้วยเช่นกัน เสียงอันน่าอายดังกังวานทั่วห้อง



“ พอก่อนท่าน ข้ายังไม่อยากเสร็จตอนนี้ “ หากแต่เหมือนคำพูดจะไม่เข้าหูของยักษา ปากร้อนยังขยับขึ้นลงอยู่จนสุดท้ายสายธารร้อนทะลักออกมาดื่มกินทุกหยาดหยดร่างสันทัดถอดกายออกส่วนที่กลืนไม่ทันไหลออกที่ข้างปากไหลหยุดเปื้อนที่อก สีขาวตัดกับผิวกายสีชาดแต่รับกับเส้นผมและดวงตา


ช่างสวยงามนัก



“ ไปที่เตียงกันเถอะท่าน “ ทั้งสองร่างจูงกันไปยังเตียงขนาดใหญ่ยักษาปลดโจงกระเบนของตน ล้มตัวลงนอนหงายโดยมีร่างสันทัดคร่อมอยู่ ยักษาส่งนิ้วตนลูบผ่านช่องทางสอดเข้าไปสัมผัสถึงความคับแน่นและชีพจรที่เต้นเป็นจังหวะ ร่างสันทัดก้มลงไล้แท่นกายของยักษาความใหญ่ที่เป็นทุนเดินของพงพันธุ์จึงส่งได้แค่ส่วนหัวเข้าสู่ปากร้อน นิ้วยาวเรียวสอดเข้าช่องทางช่วยยักษาเตรียมอีกแรง



“ ท่านมารตา “ เมื่อช่องทางคลายลงนิ้วของทั้งสองโดนแทนที่ด้วยแท่งร้อนตุ่มนูนขุดผนังนิ่มเรียกเสียงครางหวานได้อย่างเคย สะโพกแกร่งขยับหาจุดกระสันและเพียงไม่นานนัก



“ อา ตรงนั้น อีกสิ “ เสียงเร่งเร้าขับกำหนัดของพรานสุขให้พุ่งสูงสะโพกขยับเน้นจุดเดิมซ้ำๆ กายร้อนสีชาดเต็มไปด้วยน้ำใสไหลย้อยออกมา จังหวะเร่งมากขึ้นพร้อมกับลิ้นที่ส่งไปไล้ยอดตุ่มไตที่ชูชันเด่นชวนให้ลิ้มลอง นิ้วเท้าของยักษาจิกเกร็งหน้าเชิดขึ้นพยายามกอบโกยอากาศ เสียงร้องดังตามความซ่านที่ได้รับมา มือใหญ่กว่าคนทั่วไปเอื้อมจับสะโพกกดให้แนบเพื่อที่จะได้ส่งมาลึกที่สุด ฝากฝังธารร้อนไว้ภายในให้ลึกที่สุด



“ พรุ่งนี้ท่านคงต้องงดว่าราชการแล้ว ท่านมารตา “ เสียงเนิบประจำเอ่ยแซว ริมฝีปากจุมพิตแก้มอีกฝ่ายร่อนเอวให้อีกฝ่ายกระสันซ่านเล่น ร่างสีชาดกระตุกยามตุ่มนูนโดนจุดกระสันพรานขี้แกล้งจงใจขยี้ซ้ำลงไปอีก จนร่างด้านใต้หมดความอดทนพลิกกลับเป็นฝ่ายนั่งคร่อมคุ้มเกมแทน



“ เจ้ามันพิรีพิไร “ พรานมองไล่ร่างหนาที่นั่งคร่อมจุดกลางตัวเชื่อมกัน มัดกล้ามที่เกร็งจนเห็นชัดเมื่ออายุจะมากแต่มันช่างสวยงามเหลือเกิน



“ เช่นนั้นจะเป็นการลงโทษหรือ? “ สะโพกแกร่งเด้งสวนขึ้นด้วยท่านี้จึงเข้าไปลึกมากกว่าปกติร่างสีชาดรู้งานโดยทันทีสะโพกแน่นยกและกดลงเป็นจังหวะประสานรับกับคนด้านใต้ เสียงร้องดังก้องยาวนานพอรู้ตัวกันอีกทีแสงแรกได้สาดเข้าห้องแล้ว สองร่างขยับประสานกันเป็นครั้งสุดท้ายธารร้อนปลดปล่อยออกมา ความง่วงและเหนื่อนล้าเกาะกินยักษาให้เข้าสู่ห้วงนิทรา









วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 6


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 6
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
#แอบกาวทมิฬติดพันธ์อีกนะฉันเนี่ย
……………………………………………………………………………………………………


ทหารยักษามากมายไต่เชือกมายังเรือค้าเถื่อนลำนี้ เหล่าผู้ที่ศิโรราบโดนจับกุม เรือเร็วขนเหล่าผู้ถูกกักขังจนเต็มลำมุ่งหน้าไปทางนครคีรีกัณฑ์ เรือเร็วที่เหลืออีกลำเข้าเทียบด้านบนดาดฟ้าเรือค้าปรากฏยักษาสีชาด


“ ท่านพี่ อ๊อด ปลอดภัยดีนะ “


“ ก็อย่างที่เจ้าเห็นนั้นล่ะ “


“ กลับเมืองกันเถอะ พี่ “ ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันขนเหล่านักโทษย้ายไปยังเรือเหาะเกาะหนาเสียงร้องของนกก็ดังขัดขึ้นพร้อมเสียงตะโกน


“ ทาง 9 นาฬิกามีเรือเหาะขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ มันกำลังยิงปืนใหญ่มา หลบเร็ว!!!   ท้องฟ้าสีครามมีร่างขนาดใหญ่ของ นาคปักษิณกายแดงชาดกับปีกอันกลางใหญ่นั้นกระพือปีกหลบลูกเหล็กที่พุ่งสวนมา


“ ถอยกลับเรือเร็ว ไป!! “ มารตาสั่งเหล่าทหารยักษาย้ายกลับไปที่เรือโดยตนเองยังไม่ยอมกลับ การอยู่รอดของทหารและทุกคนขึ้นอยู่กับเขา มารตาพยายามไล่เพื่อนมนุษย์ของเขากลับแต่เจ้ายืนกลางว่าจะอยู่ช่วยตนถ่วงเวลา ส่วนพี่ชายของเขาพูดเพียงว่า

หากอ๊อดอยู่ข้าก็จะอยู่ มารตาเลยไม่ขัดข้องในการตัดสินใจของทั้งคู่ ก็ดีอย่างน้อยเขาจะได้เบาแรงลง พออายุมากขึ้นร่างกายราวจะหนักอึ้งขึ้น


“ ถอนฉมวก!!! “ ฉมวกทั้งหมดปลดออกเรือเหาะทั้งหมดเคลื่อนตัวกลับนครโดยการแฝงตัวเข้ากลีบเมฆให้รอดจากเรือเรือใหญ่ที่ไล่ตาม ยักษาสีชาดยืนมองเรือเหาะทั้งหมดแล่นเข้ากลีบไป


“ ข้าจะพาพวกท่านไปยังที่ปลอดภัย “ ปักษิณสีชาดกระพือร่อนลงร่างสีม่วงสันทัดสูงแลดูปราดเปรียว หน้าตามีเค้าโครงของพรานทมิฬ มีเพียงจมูกเป็นของมนุษย์ทั่วไป ใบหูยาวเรียวแหลม เขาทั้ง 4 ที่หน้าผากผมสีดำพริ้มไหวตามลม แขนและขาที่แข็งแกร่ง เล็บมือและเท้าแหลมคมร่างนั้นกระโดดลง ไล่มองทุกคนและหยุดที่ยักษ์กายมรกตสักพักหน้าตายๆนั้น หันมองมารตาอย่างขอคำตอบ


“ ข้าลืมแนะนำไป นี่ สุข ลูกของบากกับจมื่นพันธ์พ่อบุญธรรมของอ๊อด ส่วนนี่พี่ข้า เทหะยักษา “ สุขพยักหน้ารับ


“ ข้าจะไม่ไปไหนและขอสั่งเจ้าให้ไปคุ้มครองเรือเหาะให้กลับสู่นครให้ปลอดภัย “


“ แต่ข้าเป็นองครักษ์ของท่าน “ แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปมีเพียงแววตาที่หมองลง


“ แต่ข้าเป็นราชา!!.....เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้ามีท่านพี่และเพื่อนที่เก่งกาจนัก  “ มารตาเมื่อเห็นแววตาที่หมองลงก็อดที่จะแก้ต่างไม่ได้ ทารคาและอ๊อดรู้สึกความสัมพันธ์พิเศษๆของทั้งสอง


“ ข้าจะยอมท่านแค่ครั้งนี้เท่านั้น “ ร่างสันทัดขึ้นขี่พาหนะขี่ทะยานขึ้นตามกองเรือเหาะไป


“ ข้าว่าเรารีบจัดการเรื่องที่ค้างกันเถอะ ท่านพี่ อ๊อด “ ร่างทั้งสามหันไปทางเรือเหาะขนาดใหญ่ที่มุ่งมา มือใหญ่ของทารคาปัดป้องลูกเหล็กที่พุ่งเข้า

ทารคาช้อนร่างของอ๊อดขึ้นเพียงแค่แรงกระโดดในครั้งเดียวก็ถึงตัวเรืออีกฝั่ง มารตากระโดดตามมาติดๆ เหล่าศัตรูในเรือลำนี้มีทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะมนุษย์ ยักษ์ และวานร ทั้งหมดตั้งท่าพร้อมรบ อ๊อดเป็นคนแรกที่เปิดการโจนตี ศัตรูหลักมักจะเป็นมนุษย์กับวานรเน้นความว่องไวและคล่องตัว หมัดทั้งสองห่อหุ้มด้วยศาสตราพุ่งตัวไปโจนตีศัตรูคนแล้วคนเล่า ทารคาจะรับมือกับเผ่ายักษ์และเผ่าที่ตัวโตที่เน้นพละกำลัง ส่วนมารตาจะคอยคุ้มกันจะระยะไกล


“ เหลือไว้สักคนด้วยนะ พี่ “


“ เออ!!


การต่อสู้ฝ่ายของอ๊อดได้เปรียบหากแต่หูของวีรชนพลันได้ยินกลไกบางอย่างด้านใต้ อ๊อดจะไม่เสี่ยงให้มันได้ทำงาน อ๊อดวิ่งเข้าหาทารคา เจ้าตัวเหมือนจะอ่านความคิดของอ๊อดออก สองมือประสานกันย่อตัวลงมือยกสูงขึ้นดีดร่างของอ๊อดให้ลอยสูง อ๊อดหมุนตัวพร้อมง้างหมัด ปล่อยหมัดลงพื้นเรือเหาะ เกิดรอยปริแตกล่ามไปรอบเรือ


“ หนีกันเถอะจ๊ะ “ เมื่อเท้าถึงพื้นก็เร่งเท้าวิ่งไปยังยักษากายมรกตที่ยื่นมือรอรับอยู่ไม่วายหยิบวานรที่สลบอยู่ใกล้ๆมาด้วย


“ โดด!! “ มารตาเริ่มกระโดดก่อนคนแรกตามด้วยทารคาที่อุ้มอ๊อดไว้


กลางเรือค่อยๆแยกออกจากกันและเอียงลงเหล่าคนที่ไร้ที่ยึดเกาะไหลลงสู่ด้านล่าง เสียงร้องโหยหวนลอยตามหลังทั้งสามคน เมื่อเท้าแตะพื้นก็พบพรานสุขยืนกอดอกรอการกลับมา


“ ยังอลังการเช่นเคยเลยนะ “ หลายครั้งที่มีเรื่องประมาณนี้เกิดขึ้นในตอนท้ายมักจะเป็นฝ่ายโน้นที่พังพินาศด้วยวีรชนผู้นี้ เหตุการณ์แบบนี้เลยทำเขาชินไปเลย เขาจะไม่ได้เกิดมาเลยถ้าวีรชนผู้ไม่เป็นตัวการหลักในเรื่องนี้ ถึงแม้จะมีศักดิ์เป็นพี่บุญธรรมแต่แม่กับพ่อก็ฝากฝังไว้กับเขา ด้วยที่เขาเป็นลูกครึ่งมนุษย์ทมิฬอายุจึงยืนเท่าๆกันเผ่ายักษ์ และตอนนี้ก็มียักษ์ที่หมายตาไว้แล้วด้วย



“ ขี่หลังเจ้านี่กลับเมืองเถอะ ข้าเตรียมหมอหลวงไว้ให้ด้วย “  ทารคาพยักหน้าเล็กน้อยแขนแกร่งส่งอ๊อดขึ้นก่อนที่ตนจะขึ้นตามด้วยมารตาต่อขณะที่กำลังปีนขึ้นร่างสันทัดยืนหน้ามากระซิบแหลมเรียวสีชาด




“ คืนนี้ ข้าจะไปหาท่านที่ห้องบรรทม โปรดนับยอดโทษของท่านไว้เถิด “

วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 5


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 5
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา

………………………………………………………………………………………………………..



ท่ามกลางน่านฟ้าอันไร้ขอบเขตเรือสีดำทมิฬเคลื่อนที่โดยไม่รู้ถึงชะตากรรมของเจ้าของมันในอีกไม่นานนัก เรือค้านี้กำลังมุ่งไปทิศตะวันออกสู่แผ่นดินใหญ่ซึ่งเป็นจุดปล่อยสินค้าแหล่งใหญ่ ในระหว่างทางมีเรือเหาะขนาดส่วนมาเทียบท่า ปรากฏร่างของบุรุษหน้าคมสันโครงหน้าดังราชสีห์ดวงตาดุดันคิ้วดำเข้ม รัศมีแห่งความยำเกรงแผ่ออกมา อ้างตนคือราชทายาทของราชาแห่งรามเทพนครแต่เป็นเพียงบุตรนอกสมรสเท่านั้นได้ข่าวว่าสามารถจับวีรชนในตำนานได้จึงขอชมเป็นขวัญตา บุรุษผู้กล่าวอ้างนี้ขอซื้อวีรชนนี้ เนื่องด้วยถูกใจยิ่งนัก ถึงแม้จะตกลงราคากันเสร็จแต่ความแคลงใจของเจ้าของเรือก็มิหาย ระหว่างไปรับเงินก็สั่งให้ลูกน้องไปรับแทนตนจะอยู่ที่เรือรอบส่งจดหมายนกอาคมแจ้งขอกำลังเสริมจากผู้อยู่เบื้องหลัง




ทางด้านมารตาได้เตรียมเรือเหาะเหล็กประจัญบานแห่งนครคีรีกัณฑ์ซุ่มอำพลางตัวภายใต้กลุ่มเมฆโดยรอบทั้งหมด 6 ลำดักรอในเส้นการเดินเรือของเป้าหมาย โดยมีเรือขนาดเล็กที่รวดเร็วที่สุดในโลกในขณะนี้ติดเสริมใบพัดไว้ที่ท้ายเรือและที่ท้ายบอลลูน ด้วยความที่ต้องการความเร็วเกราะเหล็กจึงบางมากนั้นคือข้อเสียเข้าร่วมจำนวน 2 ลำไว้ขนเหล่าผู้ที่จับตัวไปทั้งหมดและไล่ล่าอีก 4 ลำเป็นเรือหุ้มเกราะหนา 3 นิ้ว ปืนใหญ่ไม่สามารถยิงเจาะได้ข้อเสียเคลื่อนที่ช้าจึงไว้ดักจับ



ทางด้านทารคาหลังปลดปล่อยอ๊อดออกมาจากกรงมือทั้งสองกระชากโซ่ตรวนทั้งแขนขาออก สำรวจร่างกายอันหวงแหนตามร่างกายไม่มีการเฆี่ยนตีมีเพียงรอบแดงรอบข้อมือและเท้าเท่านั้น



“ กลัวหรือเปล่า อดีตราชันกล่าวแผ่ว



“ ไม่จ๊ะ เพราะยังไงพี่ทารคาก็มาช่วยฉัน



“ หึ มาเถอะ เริ่มแผนขั้นต่อไปกัน   หลังยักษาก็อุ้มอ๊อดด้วยมือเดียวช้อนแขนรองไว้ที่ก้นงามจับแขนทั้งสองของอ๊อดคล้องไว้ที่คอ เมื่อเห็นว่าแน่ว่าไม่มีทางทำคนตรงหน้าตกจึงเคลื่อนกายสุดด้านซ้ายซึ่งเป็นผนังโล่งแนบหูลงไปพร้อมกับที่เคะผนังไม้เป็นจังหวะ




รหัส



“ โลโต ( พร้อมแล้ว ) อสุรวายุภักษ์ ( อพยพ ) ท้ายเรือ



“ พิเภก



“ เทหะ หลังจบสัญญาณก็เกิดเสียงปลดตรวจและการต่อสู้ย่อมๆขึ้น



“ อ๊อดหน้าที่ของเราสองคือ ถ่วงเวลา เจ้าไม่จำเป็นต้องสู้ก็ได้ข้าได้ฟังเรื่องมาจากมารตาแล้ว



“ ไม่จ๊ะ ฉันจะสู้จ๊ะ ฉันจะช่วยพี่สู้จ๊ะ อ๊อดซบหน้าลงสูดกลิ่นที่น่าหลงใหลนี้




“ ข้าจะระวังหลังให้เจ้า ยักษาจุมพิตเบาๆลงไปยังดวงตาที่ปิดสนิทที่ภายในนั้นยังคงกลวง

                              

                                  
“ ด้านหลังของพี่ฉันจะระวังให้เช่นกันจ๊ะ หลังจบประโยคเรียกรอยยิ้มของยักษาขาแกร่งก้าวเดินออกจากห้องคับแคบนี้ เมื่อไปถึงด้านบนดาดฟ้าเรือเหล่าลูกเรือและเจ้าของกำลังยืนคอยพร้อมอาวุธครบมือ ทารคามองไปรอบๆประมาณจำนวนคราวๆไว้โดยมีอ๊อดกระซิบบอกถึงสิ่งบางอยู่ข้างใต้เท้า



‘ 20 ไม่สิ ราว 30 กับอีกบางอย่างใต้นี่ เสียงเป็นสิงห์ 




ร่างของผู้อ้างตนพลันแปรเปลี่ยนเริ่มจากสีกายที่ค่อยๆเป็นสีมรกต เกศายาวดำเปลี่ยนเป็นสีแดงชาด เขี้ยวงอกยาว รอยเอกลักษณ์ปรากฏตามกายมรกต อดีตราชันค่อยๆวางร่างในอ้อมแขนลงทั้งคู่มีท่าทางสงบไร้ความกลัวใดๆกับจำนวนอันมากกว่ากลับกัน ฝ่ายที่จำนวนมากกลับสั่นกลัว





“ ทะ.เทหะยักษา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกิดไม่ทันสมัยที่ยักษาตนนี้รุ่งเรือง หากแต่สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ก็สามารถคาดเดาความแข็งแกร่งได้ไม่ยาก ในระหว่างท่ามกลางความสับสนนั้นอ๊อดพุ่งตัวออกไปประเคนหมัดขวาตรงให้กับคนแรกอย่างแม่นยำ แม้จะไร้ดวงตาแต่การจับตำแหน่งด้วยเสียงก็ทำได้แม่นยำลิ้นเดาะเป็นจังหวะฟังเสียงสะท้อนจับตำแหน่ง



ซ้ายเข้า วีรชนยกเท้ายันเข้าใบหน้าอย่างแม่นยำ บาทาลูบพักตร์ ศัตรูมึนงงเป็นจังหวะเหมาะ อ๊อดกระโดดม้วนตัวเตะเข้าที่สันกรามอีกครั้ง บั่นเศียรทศกัณฐ์



ด้านเทหะยักษาเมื่อเห็นคนรักตนไม่มีอะไรน่าห่วงมากนักจึงหันไปสนใจการต่อสู้ของตนเอง ส่วนมาใหญ่เป็นการสู้ด้วยมือเปล่าเพียงแค่ออกแรงไม่มากเหล่ามนุษย์ก็กระเด็นไปทิศต่างๆ จับโยนเหวี่ยงราวกับเป็นลูกมะพร้าวก็ไม่ปาน เจ้าของเรือเห็นท่าไม่ดีสั่งลูกปลดล็อคประตูกรงขัง



“ โฮก!!!!! บัณฑุราชสีห์ร่างใหญ่ยักษ์กระโจนออกมากัดฉีกกระชากใครก็ตามที่อยู่ใกล้มัน กายสีเหลืองมีแถบน้ำตาลย้อมไปด้วยโลหิต ดวงตารี่แหลมหันจับจ้องมายังผู้ที่น่าเกรงขามที่สุด คำรามเสียงสนั่นจนเรือสั่นไหว มุ่งตรงหมายจะสังหารยักษาตนเดียวในนี้ สองมือตั้งรับจับกำเขี้ยวที่ชะโลมด้วยโลหิตนั้นไว้แรงปะทะอันรุนแรงร่างที่ยืนถึงกับไถลไปด้านหลังเล็กน้อย




“ พี่ทารคาจับไว้แน่นๆนะจ๊ะ อ๊อดวิ่งมาพร้อมกับมือทั้งสองปรากฏศาสตราขึ้นมาง้างมือต่อยลงไปที่สันกรามสร้างความมึนงงจังหวะนั้นยักษาสวนหมัดฮุคเข้ากระเดือก ร่างบัณฑุราชสีห์ล้มลงทันที ยักษาหันมองโดยรอบด้วยความพอใจในความหวาดกลัวของฝ่ายตรงข้าม



“ นี่เป็นโอกาสของเหล่าพวกเจ้า หากยอมศิโรราบชีวิตของพวกเจ้าจะรอด อ๊อดเดินกลับมายืนเคียงข้างยักษามือของทั้งคู่กุมกันไว้ หูสดับฟังเสียงที่ท้ายเรือ รอสัญญานบอกถึงการอพยพเสร็จสิ้น ยักษากวาดสายตามองบางคนที่คุกเข่าวางอาวุธ ยกเว้นเพียงเจ้าของเรือที่ยังกล้ายืนประจันหน้าอยู่



“ พี่ทารคาจ๊ะ




“ อื้ม ภารกิจเราเสร็จสิ้นแล้วอ๊อด




เรือเหาะบินถึงกลางหุบเขารอบข้างปรากฏเรือเหล็กขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากเมฆฉมวกมากมายถูกยิงออกมา การจับกุมได้เริ่มขึ้นแล้ว ......