Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง
[ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 6
Fic 9 ศาสตรา
[ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
#คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
#แอบกาวทมิฬติดพันธ์อีกนะฉันเนี่ย
#แอบกาวทมิฬติดพันธ์อีกนะฉันเนี่ย
……………………………………………………………………………………………………
ทหารยักษามากมายไต่เชือกมายังเรือค้าเถื่อนลำนี้
เหล่าผู้ที่ศิโรราบโดนจับกุม เรือเร็วขนเหล่าผู้ถูกกักขังจนเต็มลำมุ่งหน้าไปทางนครคีรีกัณฑ์
เรือเร็วที่เหลืออีกลำเข้าเทียบด้านบนดาดฟ้าเรือค้าปรากฏยักษาสีชาด
“ ท่านพี่ อ๊อด ปลอดภัยดีนะ “
“ ก็อย่างที่เจ้าเห็นนั้นล่ะ “
“ กลับเมืองกันเถอะ พี่ “
ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันขนเหล่านักโทษย้ายไปยังเรือเหาะเกาะหนาเสียงร้องของนกก็ดังขัดขึ้นพร้อมเสียงตะโกน
“ ทาง 9
นาฬิกามีเรือเหาะขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ มันกำลังยิงปืนใหญ่มา หลบเร็ว!!! “ ท้องฟ้าสีครามมีร่างขนาดใหญ่ของ ‘นาคปักษิณ’ กายแดงชาดกับปีกอันกลางใหญ่นั้นกระพือปีกหลบลูกเหล็กที่พุ่งสวนมา
“ ถอยกลับเรือเร็ว ไป!! “ มารตาสั่งเหล่าทหารยักษาย้ายกลับไปที่เรือโดยตนเองยังไม่ยอมกลับ
การอยู่รอดของทหารและทุกคนขึ้นอยู่กับเขา
มารตาพยายามไล่เพื่อนมนุษย์ของเขากลับแต่เจ้ายืนกลางว่าจะอยู่ช่วยตนถ่วงเวลา
ส่วนพี่ชายของเขาพูดเพียงว่า
‘ หากอ๊อดอยู่ข้าก็จะอยู่
‘ มารตาเลยไม่ขัดข้องในการตัดสินใจของทั้งคู่
ก็ดีอย่างน้อยเขาจะได้เบาแรงลง พออายุมากขึ้นร่างกายราวจะหนักอึ้งขึ้น
“ ถอนฉมวก!!! “ ฉมวกทั้งหมดปลดออกเรือเหาะทั้งหมดเคลื่อนตัวกลับนครโดยการแฝงตัวเข้ากลีบเมฆให้รอดจากเรือเรือใหญ่ที่ไล่ตาม
ยักษาสีชาดยืนมองเรือเหาะทั้งหมดแล่นเข้ากลีบไป
“ ข้าจะพาพวกท่านไปยังที่ปลอดภัย “
ปักษิณสีชาดกระพือร่อนลงร่างสีม่วงสันทัดสูงแลดูปราดเปรียว
หน้าตามีเค้าโครงของพรานทมิฬ มีเพียงจมูกเป็นของมนุษย์ทั่วไป ใบหูยาวเรียวแหลม
เขาทั้ง 4 ที่หน้าผากผมสีดำพริ้มไหวตามลม แขนและขาที่แข็งแกร่ง เล็บมือและเท้าแหลมคมร่างนั้นกระโดดลง
ไล่มองทุกคนและหยุดที่ยักษ์กายมรกตสักพักหน้าตายๆนั้น หันมองมารตาอย่างขอคำตอบ
“ ข้าลืมแนะนำไป นี่ สุข
ลูกของบากกับจมื่นพันธ์พ่อบุญธรรมของอ๊อด ส่วนนี่พี่ข้า เทหะยักษา “
สุขพยักหน้ารับ
“ ข้าจะไม่ไปไหนและขอสั่งเจ้าให้ไปคุ้มครองเรือเหาะให้กลับสู่นครให้ปลอดภัย
“
“ แต่ข้าเป็นองครักษ์ของท่าน “ แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปมีเพียงแววตาที่หมองลง
“ แต่ข้าเป็นราชา!!.....เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้ามีท่านพี่และเพื่อนที่เก่งกาจนัก
“ มารตาเมื่อเห็นแววตาที่หมองลงก็อดที่จะแก้ต่างไม่ได้
ทารคาและอ๊อดรู้สึกความสัมพันธ์พิเศษๆของทั้งสอง
“ ข้าจะยอมท่านแค่ครั้งนี้เท่านั้น “
ร่างสันทัดขึ้นขี่พาหนะขี่ทะยานขึ้นตามกองเรือเหาะไป
“
ข้าว่าเรารีบจัดการเรื่องที่ค้างกันเถอะ ท่านพี่ อ๊อด “
ร่างทั้งสามหันไปทางเรือเหาะขนาดใหญ่ที่มุ่งมา มือใหญ่ของทารคาปัดป้องลูกเหล็กที่พุ่งเข้า
ทารคาช้อนร่างของอ๊อดขึ้นเพียงแค่แรงกระโดดในครั้งเดียวก็ถึงตัวเรืออีกฝั่ง
มารตากระโดดตามมาติดๆ เหล่าศัตรูในเรือลำนี้มีทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะมนุษย์ ยักษ์
และวานร ทั้งหมดตั้งท่าพร้อมรบ อ๊อดเป็นคนแรกที่เปิดการโจนตี
ศัตรูหลักมักจะเป็นมนุษย์กับวานรเน้นความว่องไวและคล่องตัว
หมัดทั้งสองห่อหุ้มด้วยศาสตราพุ่งตัวไปโจนตีศัตรูคนแล้วคนเล่า
ทารคาจะรับมือกับเผ่ายักษ์และเผ่าที่ตัวโตที่เน้นพละกำลัง
ส่วนมารตาจะคอยคุ้มกันจะระยะไกล
“ เหลือไว้สักคนด้วยนะ พี่ “
“ เออ!! “
การต่อสู้ฝ่ายของอ๊อดได้เปรียบหากแต่หูของวีรชนพลันได้ยินกลไกบางอย่างด้านใต้
อ๊อดจะไม่เสี่ยงให้มันได้ทำงาน อ๊อดวิ่งเข้าหาทารคา
เจ้าตัวเหมือนจะอ่านความคิดของอ๊อดออก สองมือประสานกันย่อตัวลงมือยกสูงขึ้นดีดร่างของอ๊อดให้ลอยสูง
อ๊อดหมุนตัวพร้อมง้างหมัด ปล่อยหมัดลงพื้นเรือเหาะ เกิดรอยปริแตกล่ามไปรอบเรือ
“ หนีกันเถอะจ๊ะ “ เมื่อเท้าถึงพื้นก็เร่งเท้าวิ่งไปยังยักษากายมรกตที่ยื่นมือรอรับอยู่ไม่วายหยิบวานรที่สลบอยู่ใกล้ๆมาด้วย
“ โดด!! “ มารตาเริ่มกระโดดก่อนคนแรกตามด้วยทารคาที่อุ้มอ๊อดไว้
กลางเรือค่อยๆแยกออกจากกันและเอียงลงเหล่าคนที่ไร้ที่ยึดเกาะไหลลงสู่ด้านล่าง
เสียงร้องโหยหวนลอยตามหลังทั้งสามคน เมื่อเท้าแตะพื้นก็พบพรานสุขยืนกอดอกรอการกลับมา
“ ยังอลังการเช่นเคยเลยนะ “
หลายครั้งที่มีเรื่องประมาณนี้เกิดขึ้นในตอนท้ายมักจะเป็นฝ่ายโน้นที่พังพินาศด้วยวีรชนผู้นี้
เหตุการณ์แบบนี้เลยทำเขาชินไปเลย เขาจะไม่ได้เกิดมาเลยถ้าวีรชนผู้ไม่เป็นตัวการหลักในเรื่องนี้
ถึงแม้จะมีศักดิ์เป็นพี่บุญธรรมแต่แม่กับพ่อก็ฝากฝังไว้กับเขา ด้วยที่เขาเป็นลูกครึ่งมนุษย์ทมิฬอายุจึงยืนเท่าๆกันเผ่ายักษ์
และตอนนี้ก็มียักษ์ที่หมายตาไว้แล้วด้วย
“ ขี่หลังเจ้านี่กลับเมืองเถอะ
ข้าเตรียมหมอหลวงไว้ให้ด้วย “ ทารคาพยักหน้าเล็กน้อยแขนแกร่งส่งอ๊อดขึ้นก่อนที่ตนจะขึ้นตามด้วยมารตาต่อขณะที่กำลังปีนขึ้นร่างสันทัดยืนหน้ามากระซิบแหลมเรียวสีชาด
“ คืนนี้ ข้าจะไปหาท่านที่ห้องบรรทม
โปรดนับยอดโทษของท่านไว้เถิด “
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น