วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 4


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 4
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
……………………………………………………………………………………………………


เวลาพ้นผ่านไปหลายชั่วยามสองร่างในถ้ำเย็นกอดก่ายกันอย่างรักใคร่หนึ่งคือยักษาอีกหนึ่งคือมนุษย์ กิจกรรมก่อนหน้ายาวนานจนทั้งคู่ไม่สามารถรับรู้ว่าปลดปล่อยกันไปกี่ครั้ง ร่างสีน้ำผึ้งขยับตัวแนบใบหน้ากับอกแกร่งสูดกลิ่นกายอันเอกลักษณ์ การกระทำทั้งหมดอยู่ภายใต้จ้องมองของอดีตราชันมือใหญ่ลูบหัวสัมผัสอ่อนนุ่มจนไม่อยากเลิกการกระทำนี้เลย

“ ฉันทำให้พี่ตื่นหรือเปล่าจ๊ะ “ อ๊อดพูดทั้งที่ยังหลับซบอกแกร่งอยู่

“ ไม่เลย ข้าต่างหากที่ทำเจ้าตื่น “ อดีตยักษาจุมพิตลงไปที่กองนุ่มนิ่มสีกาดำเรียกความเขินอายจากวีรชนได้ดี ไม่เพียงเท่านั้นมือว่างดึงแก้มแดงอย่างหมั่นเขี้ยว

“ พี่ทารคาแกล้งฉันนิ “ วีรชนผละออกมายันตัวทำหน้ามุ่ยใส่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากยักษา อ๊อดเห็นอารมณ์อันหายากก็พาลสุขใจเพิ่มไปอีก แม้ลึกจะกังวลถึงภัยร้ายที่ใกล้เข้ามา


ความสุขนี้ ความอบอุ่นนี้ช่างสั้นเหลือเกินจ๊ะ


“ พี่ทารคาจ๊ะ ชีวิตที่ยาวนานของฉันของฝากไว้ที่พี่นะจ๊ะ “

“ ถึงเจ้าไม่ฝาก​แต่นั้คือสิ่งที่ข้าจะทำอยู่แล้ว หากมารตากลับมาเมื่อไรนั้นคือเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน “

“ จ๊ะ ฉันขึ้นไปเตรียมอาหารก่อนนะจ๊ะ “ ทั้งสองจุมพิตกันเบาๆ

ทารคาช่วยอ๊อดเช็ดคราบกามที่เปรอะเปื้อนช่วงกลางลำตัวทั้งยังจัดแจงนุ่งผ้าให้เพราะเจ้าตัวขยับตัวลำบาก

“ เดี๋ยวฉันกลับมานะจ๊ะ ท่านต้องพูดกับมารตาด้วยใจอันสุขุมด้วยนะจ๊ะ ฉันไม่อยากจะกลับมาเห็นพวกท่านงอนกันหรอกนะจ๊ะ “ จู่ๆวีรชนก่ายกอดยักษาสร้างความฉงนใจแปลกๆแก่ทารคา

“ ฉันไปก่อนล่ะจ๊ะ “ อ๊อดผละออกไป หยิบภาชนะที่วางทิ้งไว้ขึ้นมาและจะจากไป หากแต่อดีตราชันพลันสะดุดกับดวงตาเศร้าที่หายไปได้สักพักนั้นกลับมาอีกครา มือใหญ่รั้งแขนไว้แต่สิ่งที่ตอบกลับมามีเพียงมือน้อยๆที่สัมผัสอย่างอ่อยโยน

“ ท่านต้องตามไปช่วยฉันนะ “ ประโยคแผ่วเบานี้สร้างความงุนงงแก่ยักษาและเป็นจังหวะเดียวที่อ๊อดผละออกไปจนลับตา

เสียงแตกกระจายแล้วเสียงโวยวายดังขึ้นบวกกับคำทิ้งท้ายปริศนา สร้างความร้อนใจแก่อดีตราชัน แขนแกร่งกระชากตรวนพร้อมทั้งตะโกนเรียกหาผู้เป็นดังดวงใจหวังเพียงได้ยินเสียงให้คลายกังวล สิ่งที่กลับมีเพียงความเงียบงันยักษาแผดเสียงและทุ่มกำลังกระชากแขนอย่างแรงจนโลหิตไหลรินเป็นทางยาว การดึงดันนี้ยาวนานไปค่อนวันและกลับสู่ความเงีบอีกครั้​ง ไม่นานนักความเงียบงันของถ้ำหยุดลงเมื่อน้องชายของเขาปรากฏตัวขึ้น

“ ข้าได้รับรายงานมาว่าท่านจะแหกคุกออก เพราะอ๊อดหรือ? “

“ เจ้ารู้? “

“ ข่าวสารมักเร็วเสมอ “

“ งั้นจะรออะไรอีกเล่า มารตา ปล่อยข้าซะ “ ทารคาจ้องสีหน้าเรียบเสียของน้องชาย ความจริงจังและจริงใจของทารคาทำให้น้องชายยิ้มออกมา

“ แต่ท่านต้องทำตามขั้นตอนของข้านะ พี่ “
.
.
.
.
บนน่านฟ้าของป่าทิศตะวันออกนครคีรีกัณฑ์เรือเหาะสีดำหรูหราใบเรือแดงสลับเหลืองด้านบนเรือเหมือนเรือสินค้าท้องถิ่นทั่วไป หากแต่แท้จริงแล้วคือแหล่งค้ามนุษย์ เผ่าพันธุ์หายาก สัตว์แปลก สัตว์หายากและสัตว์สงวนทั้งยังมีอวัยวะเถื่อนการที่เป็นเรือเคลื่อนที่ตลอดจึงเป็นการยากที่จะจับกุม ด้านในตัวเรือมีทั้งห้องประมูลขนาดใหญ่ ห้องชำแหละ ห้องกักขัง และห้องเลี้ยงดู ทุกอย่างครบวงจรในเรือเล่าเดียว ทุกๆนครพยายามตามกำจัดมานาน หากไม่เพราะลูกค้าของการค้านี้มีตั้งแต่เศรษฐีมั่งคั่งยันเชื้อพระวงศ์ที่ทั้งหนุนหลังและนำแผนการจับกุมมาบอกก็มิอาจรอดมาได้ยันทุกวันนี้

“ เฮ้อ “ เสียงถอดหายใจดังในกรงขังเดี่ยวร่างของวีรชนนั่งขัดสมาธิพิงซี่กรงอย่างเบื่อหน่าย ทั้งๆที่ควรจะชินได้แล้ว ตัวเขาเพิ่งรู้สึกตัวได้ไม่นานก็พบว่ารอบนี้สิ่งที่โดนเอาไปคือ “ดวงตา” เมื่อไม่สามารถเห็นสิ่งใดได้ประสาทสัมผัสที่เหลือก็ดีขึ้นทันที เสียงลมที่ตีกับผ้าใบ เสียงทรมานที่แว่วมาไกลๆ เสียงกรีดร้องขอความเมตตา เสียงร้องไห้อย่างสิ้นหวัง สามารถเดาสถานที่ที่ตนอยู่ได้เลย เขารู้ตัวดีว่าร่างกายนี้โดนตีราคาไว้มหาศาลเพียงใด แม้เพียงแค่การแตะต้องมังสาก็ยังสามารถตีเป็นทรัพย์ได้ ความโลภมักนำมาซึ่งความโหดร้าย เสียงกรีดร้องคำอ้อนวอนใดๆก็มิสะท้านใจอันโลภได้ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม นี่คือสิ่งที่โลกนี้ได้สอนให้กับเขาแต่ตัวเขาก็อ่อนโยนมากเกินไป สงสารผู้โดนกระทำแต่ใจก็มิแข็งพอที่จะสังหาร

“ เชิญด้านใน “ เสียงเปิดประตูได้หยุดความคิดของวีรชนลงเสียงฝีเท้าของสามคนมุ่งมาทางกรงของเขา การถกเถียงต่อราคาดำเนินขึ้นอย่างดุเดือด หากมีสิ่งหนึ่งสะกิดห้วงคำนึงกลิ่นกายอันติดจมูก กลิ่นที่สูดดมอย่างไรก็มิเบื่อ

“ ข้าจะซื้อวีรชนเดี๋ยวนี้ “

“ ข้าก็อยากจะขายให้ท่านตอนนี้เพียงแค่ติดอยู่นิด คือ ดวงตายังมิฟื้นคืนเลย ข้าค้าขายก็อยากจะขายของดีๆ โปรดรออีกวันได้หรือไม่ “

“ แม้จะซื้อในราคาสิบเท่าของราคาตั้งประมูล เจ้าก็มิเอา? “

“ ขะ ข้าคิดว่าท่านมา..” ด้วยราคาที่สูงมากสร้างความลังเลใจกับเจ้าของ

“ สิบห้าเท่า “

“ ขาย “

“ ดี จงเดินไปเอาเงินกับองค์รักษ์ข้างนอกซะ หากเจ้ากลับมารบกวนข้าหลังจากนี้จะเหลือเพียงสิบเท่า “ เจ้าของหน้าเงินยืนกุญแจก่อนเดินออกไปข้างนอกกับยักษ์องค์รักษ์


“ ฉันคิดว่าพี่จะมาช้ากว่านี้อีกจ๊ะ “
.
.
.
.
“ สบายใจเหลือเกิน​นะ​ อ๊อด เจ้าตัวดีเช่นเจ้า พร้อมกับแผนการทลายเรือลำนี้แค่ไหนล่ะ “



วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 3


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 3
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ตอนนี้การพบกันของอดีตราชันยักษาและวีรชนล่วงมาเกือบเดือนแล้ว อ๊อดใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่ที่ถ้ำกับยักษา การพูดและนำของแปลกใหม่มาให้คือความสุขหลักของเขา แต่ความสุขของเขามักจะหมดเร็วเสมอ เมื่อเช้ายามเฝ้าหน้าคุกไม่ใช่ตนเดิมลางสังหรณ์กรีดร้องถึงอันตรายที่พบเจอประจำ ด้วยความแม่นยำที่ไม่เคยพลาดได้สร้างความหนักใจแก่เขา เขายอมรับว่าในตอนนี้ตนยึดติดกับยักษาตนนี้แค่ไหน

“ ท่านทารคาท่านชอบเดินทางไมจ๊ะ “ อ๊อดนั่งพิงอกแกร่งของยักษาสองมือก็ป้อนเนื้อดิบ

“ แต่ถึงชอบอย่างไรก็ออกไปมิได้หรอก ความผิดของข้าหนักหนานัก “

“ ท่านมิแค้นมนุษย์หรอ “

“ แค้นสิ แค้นนิสัยทรยศทำให้ครอบครัวข้าวายชน แค้นที่พวกมันทำให้ข้าและมารตาต้องชีวิตที่ต้องหนีตายอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ แค้นที่พวกมันไม่รู้จักสำนักบุญคุณ “ ทารคากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบมืออันร้อนประคองใบหน้าคมสันให้เงยขึ้น ดวงตาจับจ้องลึกลงในแก้วกระจ่างสีเปลือกไม้

“ แค้นที่พวกมันโง่เขลากล้าแตะต้องสิ่งที่บริสุทธิ์เช่นนี้ แค้นที่พวกมันทำให้ข้าโกรธาเพียงเพราะเจ้าโดนทำร้าย “ อดีตราชันยักษาโน้มหน้าลงริมฝีปากแตะกัน ความหอมหวานชวนมัวเมาพาลให้ความยับยั้งชั่งใจลดลง ทารคารู้ใจตัวเองมาสักพักหนึ่งแล้ว ความต้องการที่อยากครอบครอง อยากกักขังป้องภัย อยากกลืนกินเพิ่มพูนขึ้นทุกวันที่เจอหน้า ลิ้นร้อนไล้เลียริมฝีปากชมพูนุ่มลิ้มชิมรสหวานฉ่ำ

“ ข้ายังแค้นที่มนุษย์บางคนทำให้ข้าเป็นเหมือนคนบ้าที่เฝ้ารอการพบเจอกันอีก ยิ่งแค้นมาขึ้นไปอีก เพียงคิดว่าหลังจากครบเดือนจะไม่เจอหน้าเจ้าใจมันราวกับฉีกขาดและตายลงไป “ อดีตราชันก้มลงจุมพิตอีกครา หากครานี้อ๊อดยกมือขึ้นโอบคอ

“ นี่คงเป็นครั้งเดียวที่ข้าคิดอย่างออกจากการตรวนจำนี้ ข้าจะเคียงข้างเจ้าไม่ว่าที่ใด “ อดีตราชันกอบกุมมือทั้งสองเลื่อนมันมาจุมพิต แม้จะเปื้อนยักษาตนนี้ก็มิรังเกลียดมัน

“ เจ้าจักยอมยกเวลาอันไรสิ้นสุดนี้ให้ข้าป้องภัยจากสิ่งที่เจ้าต้องเผชิญ ข้าจักสัญญาร่างกายนี้ต่อไปมันจะมิมีบาดแผลใดๆอีก “

            กาลเวลามักจะเปลี่ยนผู้คน ประโยคนี้จริงดังขนาดอดีตยักษาที่แสนทะนงตนในอดีตคำๆนี้คงไม่มีทางออกจากปาก “ เทหะยักษา “ หรือ “ ทารคา “ เป็นแน่
.
.
.
.
“ ข้ารักเจ้า อ๊อด “
.
.
.
.
.
            ถ้อยคำอันหนักแน่นสั่นสะเทือนสู่ใจดังเดี่ยวดายของวีรชนผู้ผิดแปลก หยดน้ำอุ่นไหลทะลักอย่างปิติ เจ้าตัวพลิกมาซบอกและปล่อยโฮร้องออกมาดังเด็กน้อย ความหวังที่แสนริบรี่นี้ ทั้งๆที่คิดเพียงแค่ได้คุยกันอย่างนี้ก็พอแล้ว เพียงแค่ไม่ได้เกลียดกันก็พอแล้ว

“ ฉะ ฉันดีใจเหลือเกิน ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วจริงๆ นี่มิใช่เพียงฝันหนึ่งตื่นใช่ไมจ๊ะ ฉันก็รักท่านทารคา ฉันรักท่าน ฉันจะรักท่านตลอดชีวิตที่ยืนยาวนี้จ๊ะ “

“ มิใช่ฝันดอก ข้าจะพิสูจน์ให้ล่ะกัน “ มือแกร่งไล้ลงตามแผ่นหลังที่เต็มเปี่ยมด้วยกล้ามอันงดงาม หยุดลงที่ก้อนนุ่มขย่ำมันจนเนื้อผ้าสีหยาบแทบจะขาดคามือ กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ลิ้มรสอีกครั้ง ฟันคมขมขบสร้างความเป็นเจ้าของ เสียงอันหน้าอายดังระงมก้องทั่ว อากาศอันหนาวเย็นพลันร้อนขึ้นด้วยแรงสวาท จุมพิตลึกซึ้งพาลิ้นทั้งรุกรับกันไปมาน้ำสีใสไหลย้อนออกข้างปากวีรชนผู้ผิดแปลก กลางกายที่ชูชันเสียดสีกันเร็วขึ้นตามแรงราคะที่ปล่อยออกมา ดูเหมือนอาภรณ์น้อยชิ้นนี้จะสร้างความรำคาญแก่ทั้งสอง สองมือน้อยๆปลดโจนกระเบนของตนและยักษา หัวใจของวีรชนเต้นรัวยามเห็นสิ่งใหญ่โต

“ โปรดอ่อนโยนกับฉันด้วยนะจ๊ะ “

“ นั้นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องกังวลน้อยที่สุด “ ยักษาเล้าโลมตุ่มไตที่แข็งขึง ขยี้มันอย่างรักใคร่ ลิ้นร้อนไล้จากอกลงมายังกล้ามท้องที่เกร็งจนเห็นได้ชัดเจน ขบมันอีกด้วยความคันเขี้ยวก่อนแล้วจึงไล้วนรอบสะดือ มือทั้งสองผละจากตุ่มไตจับวางวีรชนลงนอนยกขาทั้งสองขึ้นกดเข่าลงจนเผยจุดลับสีชมพู ร่างวีรชนอายม้วนยกมือปิดหน้าเป็นการใหญ่

“ หึ เจ้าจะได้อายมากกว่านี้ อ๊อด“ การกระทำอันหน้ารักนี้เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูนี้ ทารคาส่งลิ้นร้อนไล้เลียจนช่องทางฉ่ำเยิ้ม นิ้วแรงส่องเข้าแรงตอดรัดเป็นจังหวะนั้นทำยักษาแทบอดทนรอมิได้

“ หายใจลึกๆ ผ่อนคลายไว้ “ อ๊อดยกมือขึ้นโอบคอเป็นหลักยึดเหนี่ยว ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆเมื่อช่องทางคลายลงนิ้วที่แช่ไว้ขยับอย่างช้าๆเรียกเสียงหน้าได้เป็นอย่างดียิ่งเมื่อสะกิดกับจุดอ่อนไหวเสียงก็ยิ่งหน้าอายมากว่าเดิม

“ เพิ่มเริ่มต้นเท่านั้น “ ยํกษาเพิ่มอีกนิ้วหยุดแช่รอจนคลายและขยับทำอย่างนี้จนใส่เข้าไปถึงสามนิ้ว ถึงแม้จะเพิ่งทำไปเพียงทำนี้แต่อ๊อดก็ได้ปลดปล่อยหยาดน้ำขาวขุ่นไปถึงสองครา

“ ข้าจะใส่แล้วนะ “ ทารคาจ่อแก่นกายกับช่องทางที่ขมิบเป็นจังหวะๆ ดันกายเข้าไปช้าๆด้วยขนาดที่ใหญ่กับความคับแน่นจึงเป็นไปอย่างลำบาก เมื่อส่วนหัวเข้าไปได้หมดยักษาพักให้คนด้านใต้ได้พักและคลายตัว เสียงจุมพิตดังขึ้นแข่งกับเสียงหอบหายใจ ขณะยังจุมพิตช่องทางก็คลายยักษาดันแก่นเข้าไปช้าๆจนหมด

 หายใจๆช้า อ๊อด “ ยักษาจูบขมับปลอบโยน

“ ฉันรู้สึกถึงท่านที่อยู่ในนี้ รู้สึกดีจังเลยจ๊ะ “ อ๊อดลูบไปที่ท้องตนเองใบหน้าแดงยิ้มไปพร้อมกับดวงตาที่เยิ้มด้วยน้ำตา ภาพนี้ปลุกสัญชาตญานดิบของยักษาขึ้นแต่ทารคากดมันเอาไว้

“ เจ้ามันยั่วรู้ตัวไม “   ยักษาขยับกายอย่างช้าๆ กระทำมันอย่างทะนุถนอมมนุษย์ด้านใต้สุดชีวีแต่มนุษย์มิได้ต้องการเช่นนั้น

“พี่ทารคาจ๊ะ ได้โปรดมากกว่า ได้โปรดรุนแรงกับฉันเถอะจ๊ะ “ ความพยายามที่กดสัญชาตณานนั้นมลายหายไปสิ่งทันที เสียงของเนื้อกระทบกันดังผสมกับเสียงครางหวาน ใจทั้งสองของผู้เป็นนิรันด์หลอมรวมกันเช่นเดียวกับกายในตอนนี้

“ พี่ทารคาจ๊ะ ปลดปล่อยในกายฉัน ปลดปล่อยให้เต็มท้องนี้เลยจ๊ะ ฉันอยากจะตั้งครรภ์บุตรของพี่ ฉันรักพี่ทารคา “

“ ข้าก็เช่นกัน “ ขยับกายหนักหน่วงอีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยน้ำกามมากมายเกินไปจนทะลักไหลย้อยออกมาข้างนอก

“ ท้องฉันอุ่นจังเลยจ๊ะ “

“ นั้นยังไม่พอที่จะตั้งครรภ์ได้หรอกนะ ต้องมากกว่านี้ “

“ จ๊ะ “                                                                                         

วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 2


Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 2
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….



“ ท่านเทหะจ๊ะ ถ้าไม่พอใจก็บอกกันตรงๆสิจ๊ะ ไม่ต้องจ้องกันแบบนี้ก็ได้ ” อ๊อดได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร? “ อดีตราชันยังคงจ้องมนุษย์ตัวน้อยเขม้น

“ นำ..อาหารมาให้ท่านจ๊ะ “

“ งั้นก็รีบป้อนข้าแล้ว รีบกลับไปได้แล้ว “

“ จะ..จ๊ะ ” อ๊อดกุลีกุจอหยิบเนื้อดิบป้อนอดีตยักษาด้วยใจอันเปี่ยมสุข

ข้าจะไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้ว

หลังจากผ่านพ้นการกินอาหารอันเงียบงันมีเพียงอ๊อดที่ยิ้มร่าอยู่ผู้เดียวจนอดีตราชันนึกหมั่นไส้ความไม่เกรงกลัวของมนุษย์ตรงหน้านี้จนนึกขันอยากแกล้งขึ้นมา ดวงตาสะดุดไปที่แขนที่เปื้อนด้วยเลือดจากเนื้อดิบไหลเป็นทางยาว

“ ยื่นแขนออกมา “ อ๊อดยื่นแขนออกมาด้วยสีหน้างุนงงแต่ก็ได้แต่เดี๋ยวเดียวก็ต้องตกใจเพราะอดีตราชันก้มลงมาไล่เลียหยาดเลือดไม่พอยังขบแขนจนเลือดออกมายักษาตนนี้ไล่รสอันหวานช่ำดังผลไม้ที่สุกงอมอาจเป็นเพราะมิได้ลิ้มรสมังสามนุษย์มานานก็เป็นได้
“ ท่านเทหะหากยังมิอิ่มจะเอาแขนข้างนี้ฉันไปก็ได้นะจ๊ะ ไม่นานมันก็งอกใหม่ “  ประโยคนี้ควรจะสร้างความพอใจให้อดีตราชันแต่ไม่เลยกลับตรงกันข้าม ดวงตาคมจ้องขึ้งอย่างโกรธา หากยังควบคุมให้ท่าทางยังสุขุมได้อยู่

“ เจ้าคงจะเสนอตัวแบบนี้บ่อยสินะ เจ้ามนุษย์ “

“ จ๊ะ ถึงจะปฏิเสธไปผลสุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยนไป สู้ยื่นสิ่งที่จะเจ็บปวดน้อยที่สุดดีกว่าจ๊ะ แขนฉันข้างเดียวราวหนึ่งสัปดาห์ก็งอกกลับมาใช้ปกติล่ะจ๊ะ “ อ๊อดพูดไปยิ้มไปเหมือนสิ่งที่พูดออกมามิได้หนักหนาอะไร

“ ทำไมไม่สู้กลับบ้างล่ะ เจ้าคือผู้ที่ศาสตราหลอม คือมนุษย์เพียงผู้เดียวที่ล้มข้าที่อยู่เหนือทั้งยักษา วานร และ มนุษย์ทั้งปวง ใยต้องยอมเสียมังสาให้มดปลวกด้วย “

“ ท่านคงรู้เหตุผลที่ฉันไม่สังหารท่าน นั้นก็เป็นเหตุผลเดียวกัน ถึงแม้ในตอนท้ายคนเหล่านั้นจะยอมขายฉันเพื่อให้ตนเอง คนรอบข้าง และครอบครัวมีชีวิตรอดก็ตามที...ตะ แต่เพราะฉันตัวคนเดียวและยังฟื้นตัวเองได้จึงมะ ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไรอีกอย่างทุกคนมีเหตุผลของตนเองนี่จ๊ะ

“ เจ้าคือมนุษย์ที่โง่ที่สุดที่ข้าพบเจอมา!! “ อดีตราชันขบเคี้ยวฟันอย่างโกรธเกี้ยวโทสะที่พยายามสะกดไว้ทะลักออกมาจนแผดเสียงดังสนั่น

“ เจ้าคือคนที่เขลาและขี้ขลาดที่สุด เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขนาดแบกรับความมืดมิดของโลกนี้หรือไง จงสำเหนียงตัวเองไว้เลยว่าตัวเองเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น สิ่งที่เจ้าควรจะรักคือตัวเองมากกว่าผู้อื่น!! อดีตราชันหอบหายใจหลังจากปล่อยแรงโทสะพร้อมคำพูดที่พลั่งพลูอออกมา

“ จ๊ะ “ แรงโทสะของยักษามิได้ทำให้วีรชนคนนี้รู้เสียขวัญเลยแม้แต่น้อยกลับกันประโยคที่เหมือนการหมิ่นหยามหากแฝงด้วยความห่วงได้หล่อเลี้ยงลึกๆในหัวใจที่เฉยชากลับมาอบอุ่นดังวันวานอีกครั้งด้วย ราวกับชีวิตกลับไปยังวันที่ยังอยู่กับเหล่าคนในเกาะนกแอ่น วันที่ยังมีพ่อและพ่อครู ความหวังเล็กๆอันเลือนลางในชีวิตหลังเหล่าสหายไปลาจากไปหมดวีรชนคนนี้จะไม่โดดเดี่ยวแม้นจะต่างเผ่าพันธุ์ แม้นจะเคยเป็นอริ แม้นครั้งหนึ่งเคยห้ำหั่นแต่ครั้งนี้ยักษาตนนี้คือแสงสว่าง

“ ฉันจะจำคำของพี่เทหะไว้จ๊ะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะจ๊ะ“  อ๊อดลุกขึ้นยืนเก็บถาดอาหารเดินออกจากคุกด้วยใจที่รอค่อยให้ถึงอีกวันเร็ว

            ในวันใหม่อ๊อดกลับมาในคุกเพื่อแค่ไม่ได้มาคนเดียวแต่มีนายทหารตามมาอีกคนในมือถือถังน้ำมาด้วย แต่ก็มาเพียงช่วยถือเท่านั้นเมื่อสิ้นหน้าที่ก็จากไปปล่อยทิ้งทั้งสองไว้เช่นเมื่อวาน วันนี้กลับเป็นวันที่สงบวันหนึ่งไร้สุมเสียงแห่งโทสะ จะมีก็เสียงเคี้ยวที่ดังสนั่นในถ้ำอันวังเวงนี้

“ ท่านเทหะ ฉันขอความร่วมมือหน่อยสิ ถ้าจะไม่ยอมให้ข้าเช็ดตัวอย่างน้อยก็นั่งนิ่งหน่อยสิจ๊ะ “

“ เพราะเจ้าจะเช็ดในที่ที่ไม่ควรเช็ดน่ะสิ!!!

“ แต่ไม่เช็ดถ้าเช็ดไม่หมดมันก็ไม่มีความหมายสิจ๊ะ!!

            วันหลายวันถัดมา จากความวังเวงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเจื้อยแจ้วของวีรชน กล่าวเล่าเรื่องราวการเดินทางการพบเจอและลาจาก ระยะระหว่างทั้งสองค่อยๆหายไปจน

“ พี่ทารคา วันนี้ฉันได้ผลไม้จากแผ่นดินใหญ่มาเยอะเลยล่ะจ๊ะ “

“ อื้ม “

“ รอเดี๋ยวนะจ๊ะ “ อ๊อดยิ้มแย้มสดใส เมื่อไม่กี่วันก่อนจู่ๆอดีตราชันก็ให้เขาเรียกด้วยชื่อจริงๆของตนด้วยเหตุผลที่ว่า เทหะยักษา เป็นเพียงฉายาและตอนนี้ก็เป็นเพียงนักโทษเท่านั้น แค่นี้ก็สร้างความสุขใจให้กับอ๊อดมากนัก หากแต่ฟ้าก่อนฝนมักจะสดใสเสมอ
.
.
.
.
.
.
.
.
“ เริ่มแผนการค้าประมูลวีรชน “

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 1

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 1
Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #ฉันทำร้ายอ๊อดไปหรือป่าวน๊าาาาาาาาาาาาาาาาา555555555

…………………………………………………………………………………………………..



กลางเมืองคีรีกัณฑ์ผู้คนเดินกันคึกคักหลังจบสงครามการค้าก็รุ่งเรืองด้วยความที่มีเขตเมืองท่า ความเป็นมิตรของราชาองค์ปัจจุบัน อีกทั้งมีมิตรสหายเป็นวีรชนผู้ปลดปล่อยชาวเมืองรามเทพจึงเป็นการง่ายที่ประชาชนและชาวต่างเมืองจะลดความระแวงลง จึงเกิดปฎิสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์กับยักษามีชาวเมืองรามเทพบางส่วนย้ายมาตั้งรกรากในคีรีกัณฐ์เช่นเดียวชาวคีรีกัณฐ์บางส่วนได้ย้ายไปยังรามเทพนครจึงมีกฎหมายที่เข้มงวดและข้อตกลงระหว่างเป็นเมืองเป็นตัวรักษาความสันตินี้ไว้

            ประตูหน้าปราสาทปรากฏร่างหนึ่งสวมผ้าคลุมมีฮู้ดยาวคลุมยันเท้าเดินมุ่งมาที่ประตูราชวังที่มีทหารยักษ์ยืนประจำอยู่ 2 ตน

“ ฉันมาพบอยู่ราชาตามหมายเรียกตัวจ๊ะ ”  ชายปริศนายื่นม้วนจดหมายลงตราประจำราชสำนักให้นายทวารบาลตรวจสอบ

“ เชิญ “ ทหารยักษ์ตนนึงเดินนำทางไปยังด้านในส่งต่อให้เหล่าข้าราชบริพารนำทางต่อไปยังห้องทำงานขององค์ราชา

“ เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้านัดนัก “ มารตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั้นยิ้มอ่อนโยนให้กับชายปริศนา

“ เพราะข้าอยู่ในเมืองใกล้ๆนี่ล่ะจ๊ะ ไม่ได้พบกันนานเลยนะจ๊ะ พี่เบิ้ล ท่านแก่ขึ้นอีกแล้วนะจ๊ะ “ ชายปริศนาดึงฮู้ดออกเผยอให้เห็นเรืองผมสีกาดำ ดวงตาสีเปลือกไม้สดใส รอยยิ้มสดใสไร้เดียงสามีเพียงแววตาเท่านั้นที่มิได้ไร้เดียงสาอีกแล้ว [ อ๊อด ] วีรชนผู้ล้มราชันยักษาที่โหดร้าย

“ เจ้าเองก็ไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ข้าจำได้เลย “ มารตาทำได้เพียงยิ้มเศร้าตอบไปเพียงเท่านั้น สหายของเขาผู้นี้ไม่แก่ขึ้นเลยโดยสาเหตุพวกเราเดาว่ามาจากศาตราที่หลอมเข้ากับเจ้าตัวจึงยืดอายุขัยที่แสนสั้นออกไปและพลังการฟื้นตัวที่เร็วจนดูเหมือนเจ้าตัวจะกลายเป็นอมตะก็ตามที ทำให้การดำเนินชีวิตสงบสุขของวีรชนผู้นี้แตกสลายลง เกิดข่าวลือแปลกประหลาดว่าหากผู้ใดดื่มกินมังสาของมนุษย์ผู้นี้จะเป็นอมตะ ความเป็นอยู่ของอ๊อดลำบากนักด้วยอำนาจของเขา วาตะและเสี่ยวหลานจึงช่วยหยุดการไล่ล่าแต่ก็ได้แค่บางส่วนเท่านั้น เจ้าตัวจึงตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายเพื่อเลี่ยงไม่ให้คนรอบตัวเกิดอันตราย

“ จ๊ะ ข้าได้ไปเยี่ยมครอบครัววาตะและเสี่ยวหลานด้วยนะจ๊ะ หลานๆของพวกเขาน่าชังมาเลยจ๊ะ พี่เบิ้ลล่ะ ไม่คิดจะหาคู่ชีวิตหรือ “ อ๊อดพูดด้วยน้ำเสียงสดใสต่างจากแววตาที่เศร้าหมองมารตาเข้าใจมันได้ไม่ยากเลยเพราะสหายทั้งสองนั้นลาจากไปแล้วเหลือเพียงลูกหลานไว้ให้อ๊อดแวะเวียนไปหา คนที่อ๊อดเรียกว่าสหายมีเหลือเพียงเขาเท่านั้น

“ ใจข้ามีเพียงบุหงา ข้ารักใครมิได้ดอก “

“ ข้าขอโทษด้วยจ๊ะ ว่าแต่พี่เบิ้ลเรียกมามีเหตุใดให้ช่วยหรือ “

“ช่วงเดือนนี้ข้าต้องแฝงตัวไปในการค้าทาสเถื่อน จึงไม่มีใครกล้านำอาหารลงไปยังคุกที่พี่ข้าอยู่เลย ข้าเลยอยากจะวานเจ้าหน่อย ข้าจะเดินทางในอีก 2 วัน ช่วงที่ว่างเจ้าก็มาพักในวังนี้ก่อน “


“ จ๊ะ “ แม้อ๊อดจะมีสีหน้าลำบากใจแต่ก็ตอบตกลงทำให้มารตาผ่อนลมหายใจสบายใจไปอีกเรื่อง



2 วันต่อมา


ภายในถ้ำเสียงฝีเท้าอันคุ้นหูดังขึ้นอดีตราชันยักษาทำเพียงสดับฟังมิได้มีการขยับใดๆจนเสียงนั้นหยุดลงตรงหน้าเขา

“ ท่านเทหะไม่เปลี่ยนไปจากที่ข้าเห็นท่านครั้งสุดท้ายเลยนะจ๊ะ “ เสียงที่เปล่งมาเขาจำมันได้เจ้านี่คือคนที่ล้มเขา โทสะที่ดับลงไปนานแล้วปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

“ แล้วไงล่ะ เจ้ามนุษย์เฒ่า “ เทหะลืมตาโพลงจ้องมองวีรชนในชุดผ้าคลุมยาวยืนถือถาดอาหารอยู่ไม่ห่างจากเขา

“ เปล่าจ๊ะ ข้าแค่แปลกใจเท่านั้นเองจ๊ะ “ อ๊อดย่อตัวลงนั่งและวางถาดอาหารทุกกิริยาอยู่ภายใต้การจ้องมองของเทหะ

“ ไม่คิดว่าจะมีใครเป็นเหมือนเช่นข้าเท่านั้นเองจ๊ะ “ อ๊อดดึงฮู้ดออกเผยใบหน้าอันเยาว์วัยของตน

“ ...... “ อดีตราชันได้แต่ตกตะลึงเจ้ามนุษย์ตรงหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากที่เขาเห็นครั้งสุดท้ายในการต่อสู้ เขาไม่คิดว่าจะสวรรค์จะใจร้ายถึงเพียงนี้การสาปส่งเขาที่มีความผิดบาปนั้นเขาเข้าใจ แต่กลับมนุษย์ไร้เดียงสาตรงหน้าเขาเล่า ท่านสาปเด็กคนนี้ด้วยเหตุใด




วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง [ยักษ์กินอ๊อด] ปฐมบท

Fic 9 ศาสตรา [ไขลานที่หยุดนิ่ง]
Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
 #คือเนื้อเรื่องจะต่อจากตอนจบในเรื่องนะจ๊ะ คืออินมากจนแต่งอ่าาาา
.........................................................................................................................................



ภายในถ้ำที่เย็นยะเยือกและอับชื้นไร้สุมเสียงใดๆขนาดทำเข็มตกยังได้ยินมียักษากายมรกตซีดนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลางถ้ำแขนทั้งสองขาทั้งสองโดนตรึงด้วยโซ่ลงอาคมขนาดใหญ่ แต่มิได้ทำให้ความน่าเกรงขามนั้นลงเลยแม้แต่น้อยกลับกันมันยิ่งทำให้ดูดุร้ายกว่าเดิม


หลังจบสงครามระหว่างยักษ์และมนุษย์เวลาก็ได้ล่วงมาแล้ว 80 ปี อดีตราชาคีรีกัณฑ์ “เทหะยักษา หรือ ทารคา” โดนจองจำในนครรามเทพ 20 ปีก่อนจะได้ย้ายสถานที่จองจำมายังบ้านเกิดได้ราว 60 ปี ด้วยเวลาอันยาวในคุกอันมืดมิดและเยือกเย็นได้เยียวยาจิตใจอันคั่งแค้นของเทหะในทุเลาลง แต่ใช่ว่ามีเป็นใครก็ได้ที่เข้าใกล้ยักษาตนนี้ได้มีเพียงอนุชาเท่านั้นที่แวะเวียนส่งอาหารไปให้แต่หาได้แตะเนื้อต้องตัวไม่

         
          วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อนุชาของเขานำอาหารมาให้ นานวันเข้าสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ”มารตา” อนุชาของเขาชราขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติของทุกชีวิต แต่กับตัวเขาถึงแม้จะเป็นเชษฐากลับไม่เปลี่ยนไปเลยนับจากวันที่เขาล่มสลายลงมา อาจจะเป็นบทลงโทษของสวรรค์ก็เป็นได้ที่สาปส่งยักษาชั่วตนนี้

“ ท่านพี่ ” เสียงเรียกของอนุชาเรียกให้เขาเงยหน้ามองดวงตาสีโลหิตส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด

“ มีอะไร มารตา “

“ ข้าแค่จะมาบอกท่านว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้จะเป็นคนอื่นนำอาหารมาให้ท่าน ได้โปรด อย่าทำเขาบาดเจ็บหรือกินเขาล่ะพี่ ข้าเพียงแค่ต้องแฝงตัวตามสืบเหล่าพ่อค้าทาสเถื่อน ”  

“ ข้าจะพยายาม “

“ ข้าเชื่อใจพี่นะ “ มารตาทิ้งท้ายแล้ววางถาดอาหารลงจ้องมองหน้ากันสักพักก่อนที่มารตาจะผละจากไป

“ เจ้าเติบโตขึ้นเรื่อยๆเลยมารตา ช่างต่างจากข้าที่โดนสาปส่งโดยโชคชะตาเช่นนี้ ” อดีตราชันพึมพำด้วยเสียงอันน้อยเนื้อต่ำใจ ตัวเขาที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี กลับต้องเป็นอยู่อย่างนี้ ทำเขาเหมือนตายทั้งเป็น ใจแตกร้าวภายใต้กำแพงแห่งความทะนงและศักดิ์ศรีผลักดันในตนมิอาจดับชีวิตตนทำได้เพียงหายใจมีชีวิตไปวันๆ

            อดีตยักษาหลับตาลงปล่อยตัวเองในจมไปกับความมืดดังที่เคยเป็นมาโดยไม่รู้เลยว่าเมื่อรุ่งอรุณสาดส่องเมื่อใดไขลานที่หยุดนิ่งทั้งสองจะขับเครื่องฟันเฟืองอันบิดเบี้ยวแห่งโลกสีเทา


 TBC.