Fic ไขลานที่หยุดนิ่ง
[ยักษ์กินอ๊อด] ตอนที่ 1
Fic 9 ศาสตรา
[ไขลานที่หยุดนิ่ง] Pairing: ยักษ์กินอ๊อด
Reta: R-15(มั้งนะ)
#ฉันทำร้ายอ๊อดไปหรือป่าวน๊าาาาาาาาาาาาาาาาา555555555
…………………………………………………………………………………………………..
กลางเมืองคีรีกัณฑ์ผู้คนเดินกันคึกคักหลังจบสงครามการค้าก็รุ่งเรืองด้วยความที่มีเขตเมืองท่า
ความเป็นมิตรของราชาองค์ปัจจุบัน อีกทั้งมีมิตรสหายเป็นวีรชนผู้ปลดปล่อยชาวเมืองรามเทพจึงเป็นการง่ายที่ประชาชนและชาวต่างเมืองจะลดความระแวงลง
จึงเกิดปฎิสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์กับยักษามีชาวเมืองรามเทพบางส่วนย้ายมาตั้งรกรากในคีรีกัณฐ์เช่นเดียวชาวคีรีกัณฐ์บางส่วนได้ย้ายไปยังรามเทพนครจึงมีกฎหมายที่เข้มงวดและข้อตกลงระหว่างเป็นเมืองเป็นตัวรักษาความสันตินี้ไว้
ประตูหน้าปราสาทปรากฏร่างหนึ่งสวมผ้าคลุมมีฮู้ดยาวคลุมยันเท้าเดินมุ่งมาที่ประตูราชวังที่มีทหารยักษ์ยืนประจำอยู่
2 ตน
“ ฉันมาพบอยู่ราชาตามหมายเรียกตัวจ๊ะ
” ชายปริศนายื่นม้วนจดหมายลงตราประจำราชสำนักให้นายทวารบาลตรวจสอบ
“ เชิญ “ ทหารยักษ์ตนนึงเดินนำทางไปยังด้านในส่งต่อให้เหล่าข้าราชบริพารนำทางต่อไปยังห้องทำงานขององค์ราชา
“ เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้านัดนัก “
มารตาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั้นยิ้มอ่อนโยนให้กับชายปริศนา
“ เพราะข้าอยู่ในเมืองใกล้ๆนี่ล่ะจ๊ะ
ไม่ได้พบกันนานเลยนะจ๊ะ พี่เบิ้ล ท่านแก่ขึ้นอีกแล้วนะจ๊ะ “ ชายปริศนาดึงฮู้ดออกเผยอให้เห็นเรืองผมสีกาดำ
ดวงตาสีเปลือกไม้สดใส รอยยิ้มสดใสไร้เดียงสามีเพียงแววตาเท่านั้นที่มิได้ไร้เดียงสาอีกแล้ว
[ อ๊อด ] วีรชนผู้ล้มราชันยักษาที่โหดร้าย
“ เจ้าเองก็ไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ข้าจำได้เลย
“ มารตาทำได้เพียงยิ้มเศร้าตอบไปเพียงเท่านั้น
สหายของเขาผู้นี้ไม่แก่ขึ้นเลยโดยสาเหตุพวกเราเดาว่ามาจากศาตราที่หลอมเข้ากับเจ้าตัวจึงยืดอายุขัยที่แสนสั้นออกไปและพลังการฟื้นตัวที่เร็วจนดูเหมือนเจ้าตัวจะกลายเป็นอมตะก็ตามที
ทำให้การดำเนินชีวิตสงบสุขของวีรชนผู้นี้แตกสลายลง เกิดข่าวลือแปลกประหลาดว่าหากผู้ใดดื่มกินมังสาของมนุษย์ผู้นี้จะเป็นอมตะ
ความเป็นอยู่ของอ๊อดลำบากนักด้วยอำนาจของเขา วาตะและเสี่ยวหลานจึงช่วยหยุดการไล่ล่าแต่ก็ได้แค่บางส่วนเท่านั้น
เจ้าตัวจึงตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายเพื่อเลี่ยงไม่ให้คนรอบตัวเกิดอันตราย
“ จ๊ะ ข้าได้ไปเยี่ยมครอบครัววาตะและเสี่ยวหลานด้วยนะจ๊ะ
หลานๆของพวกเขาน่าชังมาเลยจ๊ะ พี่เบิ้ลล่ะ ไม่คิดจะหาคู่ชีวิตหรือ “
อ๊อดพูดด้วยน้ำเสียงสดใสต่างจากแววตาที่เศร้าหมองมารตาเข้าใจมันได้ไม่ยากเลยเพราะสหายทั้งสองนั้นลาจากไปแล้วเหลือเพียงลูกหลานไว้ให้อ๊อดแวะเวียนไปหา
คนที่อ๊อดเรียกว่าสหายมีเหลือเพียงเขาเท่านั้น
“ ใจข้ามีเพียงบุหงา
ข้ารักใครมิได้ดอก “
“ ข้าขอโทษด้วยจ๊ะ ว่าแต่พี่เบิ้ลเรียกมามีเหตุใดให้ช่วยหรือ
“
“ช่วงเดือนนี้ข้าต้องแฝงตัวไปในการค้าทาสเถื่อน
จึงไม่มีใครกล้านำอาหารลงไปยังคุกที่พี่ข้าอยู่เลย ข้าเลยอยากจะวานเจ้าหน่อย ข้าจะเดินทางในอีก
2 วัน ช่วงที่ว่างเจ้าก็มาพักในวังนี้ก่อน “
“ จ๊ะ “ แม้อ๊อดจะมีสีหน้าลำบากใจแต่ก็ตอบตกลงทำให้มารตาผ่อนลมหายใจสบายใจไปอีกเรื่อง
2 วันต่อมา
ภายในถ้ำเสียงฝีเท้าอันคุ้นหูดังขึ้นอดีตราชันยักษาทำเพียงสดับฟังมิได้มีการขยับใดๆจนเสียงนั้นหยุดลงตรงหน้าเขา
“ ท่านเทหะไม่เปลี่ยนไปจากที่ข้าเห็นท่านครั้งสุดท้ายเลยนะจ๊ะ
“ เสียงที่เปล่งมาเขาจำมันได้เจ้านี่คือคนที่ล้มเขา
โทสะที่ดับลงไปนานแล้วปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ แล้วไงล่ะ เจ้ามนุษย์เฒ่า “
เทหะลืมตาโพลงจ้องมองวีรชนในชุดผ้าคลุมยาวยืนถือถาดอาหารอยู่ไม่ห่างจากเขา
“ เปล่าจ๊ะ
ข้าแค่แปลกใจเท่านั้นเองจ๊ะ “ อ๊อดย่อตัวลงนั่งและวางถาดอาหารทุกกิริยาอยู่ภายใต้การจ้องมองของเทหะ
“ ไม่คิดว่าจะมีใครเป็นเหมือนเช่นข้าเท่านั้นเองจ๊ะ
“ อ๊อดดึงฮู้ดออกเผยใบหน้าอันเยาว์วัยของตน
“ ...... “
อดีตราชันได้แต่ตกตะลึงเจ้ามนุษย์ตรงหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากที่เขาเห็นครั้งสุดท้ายในการต่อสู้
เขาไม่คิดว่าจะสวรรค์จะใจร้ายถึงเพียงนี้การสาปส่งเขาที่มีความผิดบาปนั้นเขาเข้าใจ
แต่กลับมนุษย์ไร้เดียงสาตรงหน้าเขาเล่า ท่านสาปเด็กคนนี้ด้วยเหตุใด
“ จ๊ะ “ แม้อ๊อดจะมีสีหน้าลำบากใจแต่ก็ตอบตกลงทำให้มารตาผ่อนลมหายใจสบายใจไปอีกเรื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น