วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2560

[SF] see ya

[SF] candy
Pairing : ??// Christian Wolff
Reta : PG-13
จากคนเขียน: ฟิคเรื่องนี้เข้าร่วมกิจกรรมของพี่จีนล่ะ(ไอดอล)เนื่องจากเราตามงานพี่เขามานานมากกกกชอบบบบ แล้วรุ่นพี่ก็ลาก(ชวน)มาร่วมด้วย เลยเข้าแบบไม่คิดไรเลย55555 ทั้งๆที่มีสอบ เอาเป็นว่าฟิคงอกแล้วค่ะ
#ฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่งไม่ต้องการทำลายชื่อเสียงของภาพยนตร์แต่อย่างใด

#ฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่งไม่ต้องการทำลายชื่อเสียงของภาพยนตร์แต่อย่างใด
ปล.เนื้อหาในฟิคจะต่อจากตอนจบของหนังไปประมาณ1สัปดาห์เป็นช่วงที่พี่น้องคู่นี้นัดกันไปกินช้าวกันหลังจากที่จากกันกว่า10ปี
..............................................................................................................................................................

         


                วันที่ 12 เดือน 12 ปี 25xx




     วันนี้เป็นอาทิตย์ที่อากาศหนาวโคตรเลยผม”แบร็กซ์ตัน   วูฟฟ์” กำลังเดินฝ่าอากาศที่น่าทรมาณนี้ไปที่ร้านพิซซ่าดังในชิคาโก ‘Lou Malnati’s Pizzeria ในร้านตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจที่นี่ขึ้นชื่อในเมนูพิซซ่าThe classic Chicago ด้วยลักษณะของพิซซ่าทำออกมาคล้ายกับพายขนาดใหญ่ที่ไส้ในอัดแน่นไปชีสและเนื้อวัวจนหนาถึง2ซ.ท็อปปิ้งด้วยซอสสูตรพิเศษกับเปปเปอโรนี เมื่อได้กัดพิซซ่าเข้าไปสัมผัสแรกจะเป็นความกรอบของแป้งต่อมาจะเป็นเนื้อวัวที่แสนจะjuicyน้ำของมันหวานและแทรกด้วยความเค็มมันของชีสตามด้วยควาเปรี้ยวหวานของซอส เมื่อเราดึงชีสจะยืดยาวราวจะไปที่สิ้นสุดเลย เพียงแค่คิดเขาน้ำย่อยในกระเพาะมันก็เริ่มทำงาน



“ร้านอยู่ไหนกันนะ”   ผมมองรอบตัวมองหาและพบมันที่อยู่อีกไม่ไกลเพียงเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง เลี้ยวขวา เดินไปนิด ก็พบร้านแล้วด้วยป้ายอันเด่นนั้น



“มีจองไว้ไมคะ”  พนักงานต้อนรับสาวสอบถามผมที่หน้าประตูร้าน



“อ่า มีพี่ชายมาจองก่อนแล้วครับ ชื่อ คริสเตียน  วูฟฟ์”



“ค่ะ  เชิญทางนี้ค่ะ” พนักสาวนำผมไปที่ด้านในสุดของร้านที่แสนจะส่วนตัวและคนเดินไปมาน้อย



สมเป็นนายชะมัด



“เดี๋ยวอีก 5 นาทีจะมารับออเดอร์นะคะ”  ผมพยักหน้าและเดินมานั่งฝั่งตรงพี่ชายตัวเองที่แต่งตัวโคตรน่ารักมาก!!!



“......”



“เฮ้ จะไม่ทักทายน้องชายหน่อยหรอ”  คริสเตียนทำหน้าเลิ่กลั่กจนผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ




ให้ตายสิ’  ในระหว่างที่พี่อ้ำอึ้งอยู่ผมมองสำรวจเขาวันนี้ใส่เสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเทาเข้มแขนเสื้อยาวจนถึงกลางฝ่ามือชวนให้นึกถึงหมีตัวโตๆ ไหนจะแก้มยุ่ยๆนั้นอีก



“ช่างมันเถอะ สั่งอาหารกัน” ผมพูดดึงสติทั้งของตัวเองกับพี่ พวกเราต่างสั่งอาหารแน่นอนว่าผมต้องสั่งแบบจัดเต็มและเผด็จการไหนๆคนจ่ายไม่ใช่ผมอยู่แล้ว



“พิซซ่าคลาสสิคถาดใหญ่ 1 ผักขมอบชีส 1 ขนมปังกระเทียม 1 และโค้ก 2 เท่านี้ครับ”  ผมคืนเมนูให้พนักงานกลับมาสนใจพี่ชายเองต่อ



“ฉันไม่ดื่มน้ำอัดลม”



“เลือกไม่ได้  นายควรจะลองทานอะไรใหม่ๆดู กินอะไรซ้ำๆมันน่าเบื่อ”  ผมเท้าคางมองพี่ชายที่ไม่ยอมแม้จะสบตาผมเลย ผมรู้ธรรมชาติของเขา แต่ผมชอบสีนัยน์ตาพี่ตัวเองไง อยากสบ



“ เฮ้ “ ผมเอื้อมมือไปจับมือพี่ชายกดดันเล็กๆให้มาสบตาด้วย



“ฉันดีใจนะ ที่พี่ชวนมากินข้าวด้วย ฉันคิดถึงนายมากๆเลยนะ 10 ปีฉันตามหานายมาตลอด ฉัน...ดีใจจริงๆที่ได้เจอนายอีก” ผมยกมือเย็นๆนั้นมาแนบที่แก้ม



“ตอนนี้ฉันเหลือแค่นายเท่านั้นเองนะ ฉะนั้นอย่างน้อยก็ช่วยส่งข่าวมาเดือนล่ะครั้งก็ยังดี” ผมจ้องมองความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของพี่ตัวเอง ให้ตายสิ แก้มนั้นมันค่อยๆแดงขึ้นจากที่สบตากันอยู่ พี่ชายผมก็หลบสายตาทันที



“เน่ คำตอบล่ะ” ผมเอียงคอแล้วรอคำตอบ




“ดะ.ได้ เลิกทำสายตาแบบนั้นเถอะ” พี่ชายเริ่มกระวนกระวาย



“มันทำนายเขินหรอ พี่ชาย” ผมยิ้มออกมาอย่างได้ใจได้เจอกันทั้งทีของแกล้งหน่อยแต่คำตอบกลับมาทำผมเขินแทนเลย



“อะ.อื้ม นายทำฉันเขินแทบตาย แต่ฉันชอบมัน” พี่ชายบ้านั้นหันมาด้วยรอยยิ้มที่เคยยิ้มให้ผมตอนเด็ก ยังไงผมก็แพ้ทางพี่ตลอดเลย



“งั้นเตรียมตัวเจอบ่อยๆได้เลย” ผมยิ้มแต่ก่อนจะได้ทำอะไรอาหารทั้งหมดก็มาเสริฟ




บรรยากาศการกินของพวกเราในตอนแรกผมคิดว่าจะตึงเครียดกว่านี้แต่เหมือน10ปีที่ห่างกับพี่ชายของผมจะปรับตัวให้เข้าสังคมได้ใกล้เคียงกับคนธรรมดาแต่ผมชอบพี่ที่เข้ากับคนอื่นๆไม่ค่อยเพราะความต้องการความเป็นเจ้าของของผมเองล่ะแต่ก็ช่างมันไปก่อนตอนนี้คือช่วงที่ต้องเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด



การสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นผมที่เปิดบทสนทนาแต่ทุกครั้งที่พี่เป็นคนเปิดมันทำให้ผมยิ้มกว้างมากๆเหมือนคนบ้าเลยเราพูดทุกเรื่องเลยทั้งเรื่องที่คาใจกันอยู่ถามไถ่ชีวิตที่ผ่านมา สิ่งที่ทำในตอนนี้ สิ่งที่อย่างจะทำต่อ หลายๆอย่างจนลืมเวลากันเลย พอรู้ตัวอีกทีพิซซ่าและทุกๆอย่างก็หมดลง



“การได้กินของใหม่ๆมันไม่ได้แย่นักใช่ไมล่ะ”



“อื้ม ดีมากเลย ไว้คราวหน้า”



“ไว้คราวหน้า อ๋อ ถือเป็นของขวัญเล็กๆที่ชวนฉันมา” ผมล้วงห่อลูกอมในเสื้อโค้ทออกมาหยิบออกมา1เม็ดแกะมันและยัดใส่ปากพี่ชาย



“ฉันให้นายไว้จะหยิบมาอมเวลาเครียด ช่วยได้เยอะ” พี่ทำหน้างงมองสลับห่อลูกอมให้มือกับหน้าผม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
. 
“หมดเมื่อไรฉันจะเอาไปให้ไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหน”






วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

รามเกียรติ์ yaoi เชลยหัวใจ (พระราม x ทศกัณฐ์) ตอนที่ 15

ตอนที่ 15


“พระมงกุฎ มันจะดีหรอ ถ้าท่านพ่อ กับท่านแม่เจอล่ะจะทำอย่างไร”  โทเศียรพูดอย่างหวาดๆ ในตอนนี้ตนเองที่ระเบียงด้านนอกของเรือนสนมกำลังรอคนอื่นไต่เชือกขึ้นมา

“น่าข้า พี่ข้ามีแผนอยู่แล้ว”  พระมงกุฎพูดอย่างมั่นใจสุดขีด

“แล้วเราจะรอดไมเนี่ย”  โทเศียรบ่นพึมพำระหว่างรอคนสุดท้ายไต่ขึ้นมา

“พวกเราพร้อมไม เราจะเริ่มปฏิบัติการกันแล้วนะ” พระมงกุฎพูดขึ้นในความเงียบด้วยเสียงที่เบามาก

“พร้อม/อื้ม/พร้อม”  พวกเราพูดพร้อมกันอย่างตื่นเต้น

“ดี น้องลบ เจ้าช่วยดูต้นทางที อย่าให้ใครมาได้นะ อ้อ แล้วระวังใครออกไปด้วย” พระลบมองพระมงกุฎอย่างเย็นชาก่อนจะรู้ถึงนัยในประโยค พระลบยกมุมเล็กน้อยอย่างพอใจ

“ได้เลย ข้าจะเฝ้าอย่างดีเลย”  พระลบพูดจบก็เดินไปยืนเฝ้าที่ทางระเบียงและนั่งลงเพื่อไม่ให้ใครเห็นและพวกเราก็เดินไปที่หน้าต่างเตรียมแง้มดู

“เดี๋ยวก่อนๆ พระมงกุฎ” โทเศียรพูดขัดขึ้น

“อารายเล่าพี่โท ข้ากำลังตื่นเต้นเลย” ตรีเศียรพูดขึ้นกลังจากอดทนอดกลั้นการพูดมากมานาน

“เจ้าตรี เจ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรแปลกหรือ มันฟังดูคล้ายเสียงท่านแม่ด้วย”  โทเศียรพูดขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ

“โถ่ พี่โทมันต้องอย่างนี้สิถึงจะน่าตื่นเต้น จะได้รู้สักทีว่านั้นคือเสียงอะไร ท่านแม่กำลังทำอะไรอยู่ ท่านพี่ไม่อยากรู้หรอ”  ตรีเศียร

“อะ..เอ่อ”  โทเศียรเริ่มลำบากใจ

“น่าเร็วๆ มาเร็ว!!” ตรีเศียรผู้เป็นพี่มาใกล้หน้าต่าง

กดคลุมดำน้านนนนนนนนน//^^
“อื้มๆ..รามจันทร์..หยุดก่อน..ข้า..ข้าเหนื่อยแล้ว..แฮ่กๆ..อ่ะ...อ๊า” 

“แต่ข้ายังไม่อิ่มเลยนะ  ข้าจะทำเพื่อชดเชย 6 ปีที่เจ้าหนีจากข้าไป”

“ดะ..เดี๋ยว!!...อ๊า!!!!..รามจันทร์ๆ..อ่ะ..อ๊า..ละ.ลึกเกินไปแล้วนะ..อื้มๆ”  โทเศียรได้ยินเพียงเสียงที่เหมือนกันกับตอนกลางวันรอดออกมา

“พี่โทข้าจะเปิดหน้าต่างนะ แอบดีๆด้วย”  ตรีเศียรเริ่มแง้มหน้าต่างออกมาเงียบแต่ผู้ที่เห็นทั้งหมดมิใช่ตรีเศียรแต่กลับเป็นโทเศียรที่ยืนอยู่ข้าง

“อ่ะๆๆ...ระ.รามจันทร์...ชะ.ช้าหน่อย..อ๊า..อื้ม”  ร่างสูงสง่ากำลังขยับร่างกายอยู่บนเตียงที่หรูหราอย่างหนักหน่วงกับร่างของผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังกอดร่างสูงนั้นแน่นราวกับกลัวมันจะหายไปเรียวขามีคราบน้ำสีขาวขุ่นเต็มไปหมด

“ทศกัณฐ์ ข้าเมื่อยแล้ว เจ้าช่วยขยับหน่อยสิ”  ร่างสูงพลิกร่างบางขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับจับกดท้ายทอยร่างบางลงมาเพื่อจูบอย่างดูดดื่มแต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของเด็กน้อยโทเศียร

“ท่านพี่ๆ ท่านเห็.....” ตรีเศียรยังพูดไม่จบผู้เป็นพี่รีบวิ่งออกไปแต่กลับโดนพระลบอุ้มรั้งไว้

“พี่โทเศียร ท่านจะไปไหนกัน” พระลบพูดด้วยสีหน้านิ่ง

“ปะ.ปล่อย ปล่อยข้านะ” ร่างบางพยายามดิ้น

“ท่านพี่เห็นสิ่งใดหรือ” พระลบถามหน้าตายพร้อมกับจ้องร่างบางที่ตอนนี้ก้มหน้างุด

“ยะ.ยังจะมาถามข้าอีก!!!!!!!!”  ร่างบางตะโกนใส่และเหาะหนีพร้อมกับหน้าแดงดังลูกตำลึง

ท่าทางแผนจะได้ผลเหอะ ร่างสูงของพระลบวิ่งตามร่างบางไปปล่อยพระมงกุฎกับตรีเศียรไว้

“ตรีเศียรเจ้าว่าอย่าง...ไร..บ้าง”  พระมงกุฎหันมาจะพูดกับตรีเศียรแต่ต้องเหงื่อตกเมื่อเห็นร่างบางทำตาวิ๊งๆใส่

“พระมงกุฎ ข้าอยากลองทำแบบท่านแม่อ่า *0* ”

“....”

“*0*”

“......”

“*0*”

ซวยแล้วไง.....  พระมงกุฎเริ่มรู้สึกถึงความหายนะกำลังเข้ามาหาตนเอง




.........................................................................................................................................................................

รามเกียรติ์ yaoi เชลยหัวใจ (พระราม x ทศกัณฐ์) ตอนที่ 14

ตอนที่ 14

“พี่สาวๆ ท่านแม่ตื่นแล้วหรอ”  ร่างของเด็กน้อยทั้งสองวิ่งเข้ามาหาหญิงสาว

“ใช่จ๊ะ ข้ากำลังเอาสำรับไปพอดี จะไปกับข้าไม”  หญิงสาวพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พวกข้าไปแล้วล่ะ แต่ประตูมันล็อคขอรับ”  โทเศียรพูด

“หือแต่ตอน.....อ้อจ้ะ เดี๋ยวเราค่อยมากันใหม่นะ” หญิงสาวไล่เด็กน้อยให้เดินออกห่างจากสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก

ทำอะไรกัน กลางวันแสกๆเนี่ย ท่านพ่อข้าหวังว่าท่านจะยังอยู่ดีนะ หญิงสาวคิดอย่างปลง

“พี่โทเศียร ท่าทางคืนนี้เรามาซนกันดีกว่า”  ตรีเศียรพูดกระซิบกับผู้พี่

“เฮ้อ ข้าเริ่มสงสัยล่ะใครเป็นพี่กันแน่”  โทเศียรถอดหายใจอย่างปลงๆเมื่อน้องตนเองเริ่มมีแผนก่อความวุ่นวายขึ้น

“น่าๆ ท่านพี่ก็ได้ยินเสียงนี่น่า ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่ทำอะไรกัน”

“บางทีความอยากรู้ของเจ้ามันทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ ตรีเศียร”

“น่าๆ นะ ท่านพี่ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะ นะๆๆ” ตรีเศียรพูดอ้อนทำท่าคล้ายลูกหมาอ้อนๆ ตาเป็นวิ้งๆ

“อึก...ก็ได้ แต่...แต่นี้ครั้งสุดท้ายนะ” ผู้เป็นพี่ยอมแพ้กับผู้น้องและหันหน้าหนีหลบดาเมจความน่ารักที่แสนจะร้ายกาจ

คิดว่าจะไม่ยอมแล้วนะ โทเศียร...เจ้าผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตที่เป็นพี่เจ้าบ้านี่แล้วล่ะ!!!’  ผู้พี่คิดอย่างปลงตก

“ท่านพี่ช่างใจดีจริงๆ มาๆข้าให้รางวัล”  ร่างผู้น้อยทำท่าจะมาจุ๊บแก้มผู้พี่แต่ยังไม่ทันจะแตะนั้นกลับโดนหมัดไปที่แก้มเต็มๆ

“ไอ้น้องบ้า!! บัดสีจริงเลย!!”  ร่างผู้พี่หอบกินในบัดดล

“อะไรกัน ทีพระลบหอมนะพี่ยังไม่ว่าอะไรเลย -3- “  ผู้น้อยลูบแก้มที่น่าสงสาร

“อะ..ไอ้!!

“อ้าว เด็กๆทะเลาะกันไม่ดีเลยนะจ๊ะ”  หญิงสาวเดินมาห้าม

“พี่สาวๆๆ  พี่โทเศียรต่อยข้าอ่ะ  เจ็บจนแก้มบวมเลย -3-“

“โทเศียรจ๊ะ ทำอย่างนี้ไม่ดีนะ เป็นพี่น้องต้องค่อยๆพูดกันนะ”

“ชิ!!

“งั้นเราไปพักกันที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ ไปเป็นเพื่อนเล่นพระมงกุฎกับพระลบกันเถอะ”

“อ่ะ “ 0///0

“อึก คิกๆ”  ตรีเศียรได้แต่กลั้นขำ
“จ๊ะ โทเศียรเจ้าไม่สบายหรือเปล่าหน้าแดงๆ”

“ขะ..ข้าสบายดี เราไปกันเถอะ” โทเศียรได้แต่พูดปัดๆก่อนจะเดินนำหน้าอย่างตัดปัญหา

“คิกๆ ช่างถอดแบบท่านพ่อมาจริงๆ” หญิงสาวขบขันกับท่าทางเด็กน้อย
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ ห้องนั่งเล่น

“พระมงกุฎพระลบ ช่วยเป็นเพื่อนเล่นกับโทเศียรตรีเศียรนะ เดี๋ยวแม่ไปเอาขนมมาให้นะ”

“ขอรับ/ขอรับ” เด็กทั้งสองขานรับอย่างพร้อมเพรียง

“พระมงกุฎ!!!” ร่างของตรีเศียรพุ่งเข้ากอดร่างที่สูงกว่าตนนิดหน่อย

“โอย!!  ตรีเศียร นายกำลังจะฆ่าคนนะ!!” เด็กน้อยผมสีดำสนิทมัดจุกแต่มันกลับเข้ากลับหน้าที่คมคายนั้น แล้วยังมีกายที่เขียวมรกตดวงตาสีดำเป็นประกายหรี่ลงเพื่อจ้องเจ้าเด็กยักษ์ตัวแสบที่ตอนนี้ทับตนเองอยู่

“อ่ะ ข้าขอโทษที เดี๋ยวจะลุกเดี๋ยวนี้ล่...” ร่างของเด็กน้อยกำลังจะลุกขึ้นแต่กลับโดนฉุดลงไปอยู่ในอ้อมกอด

“แต่ข้าก็คิดว่ามันก็ไม่แย่นั้นน่ะ....ท่านพี่”  ร่างสูงยิ้มกว้าง

“...แต่ข้าว่าเมื่อยนะ พระมงกุฎ - - ”

^^

“ทั้งสองคนจะอยู่ท่านั้นอีกนานไม ห่ะ!!” ร่างสูงอีกคนขัดขึ้นร่างสูงคนนี้มีหน้าตาและรูปร่างไม่ต่างกับคนที่นอนอยู่มีเพียงสีกายแบบคนธรรมดาทั่วไป

“อะไรกันน้องลบ อย่ามันขัดความสุขของพี่สิ” ร่างสูงไม่ว่าเปล่าพร้อมกับฟัดแก้มคนอ้อมกอด

“เออ งั้นอย่ามายุ่งกับของๆข้าล่ะกัน”  พระลบหันไปนั่งกอดโทเศียรมานั่งตัก

“ดะ.ดะ.เดี๋ยวๆๆๆๆ  พวกเจ้าทั้งสองคนในสมองมีแต่เรื่องพวกนี้หรือไงหา!!!!”  โทเศียรตะโกนออกมาอย่างเหลืออด

“ใช่/ใช่”

- - ...ไอ้พวกนี้ ข้าเป็นพี่ของพวกแกนะ!!!’   โทเศียรได้แต่คิดเท่านั้น เพราะถ้าพูดออกไปมีหวังโดนฟัดแก้มแน่ๆ

“หรือพี่โทเศียรไม่ชอบ แต่ถึงท่านไม่ชอบข้าก็จะทำ” พระลบพูออย่างไม่แยแสคนในตักตนเอง

“นี่ๆ ช่วยฟังความคิดเห็นคนอื่นบ้างเซ่!!!” สุดท้ายคนในตักก็หมดความอดทน

“หือ ถึงข้าฟังไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะสุดท้ายไม่ก็ไม่ทำให้สิ่งที่ข้าทำเปลี่ยนไป”  พระลบพูดด้วยสีหน้านิ่ง

“อะ..เออ มันก็จริง เฮ้ย!!  แกจะเผด็จการไปไหนห่ะ!!

“คู่นั้นน่ะๆ  ช่วยหยุดกันก่อนนะ ข้ามีเรื่องจะพูด” ตรีเศียรพูดขัดทั้งๆที่ตนยังอยู่ในอ้อมกอดของพระมงกุฎ

“อะไร!!/อะไร!!” ทั้งคู่พูดพร้อมกันอย่างอารมณ์เสียนิดๆ

“คือ..ข้าอยากลองไปสำรวจห้องของท่านแม่”

“ตรีเศียร เพราะอะไร.....” โทเศียรพูดเพียงเท่านั้น

“เพราะข้าสงสัยว่าเสียงที่ข้าได้ยินนั้นมันคืออะไรน่ะสิ!! ข้าปรึกษาพระมงกุฎแล้ว”  ตรีเศียรพูดขึ้นอย่างรู้งาน

“พระลบล่ะ” โทเศียรหันไปหาพระลบอย่างของคำตอบ

“เจ้าต้องเรียกข้าว่า น้องลบ สิ ข้าถึงจะตอบ”

“จร้าๆ น้องลบขอรับ พี่คนนี้อย่างรู้คำตอบจัง น้องลบจะไปกับเจ้าตรีเศียรไมขอรับ -*-”

“มันยาวไปนะ พี่โท - -“

“แล้วจะไปไหมห่ะ!! ไอ้น้องลบ -*- “

“ไป”

“แค่นั้นล่ะ ตรีเศียรงั้นข้าไปด้วย” 

“แหม่ จะไปทีต้องถามสามีเชียวนะ พี่โท”  ตรีเศียรพูดล้อโทเศียร

“ไอ้น้องชั่ว!!

“พอกันทั้งคู่เลย  เรามาฟังแผนกันหน่อยนะ” พระมงกุฎพูดขัดขึ้น

“พระมงกุฎ ใครเป็นคนคิดแผนนี้” โทเศียรพูดขึ้น

“ข้าเอง แผนนี้ข้าคิดเองหมด วางแผนรอบคอบสุดๆ” ร่างสูงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

“ดี ถ้าตรีเศียรวางแผนข้าขอไม่ไปแน่!!!

“พี่โทใจร้ายอ่ะ -3- “

“ยังมีหน้ามาพูดอีกนะ!!! คราวก่อนเกือบโดนไล่กระทืบนะยังจะมาว่าข้าใจร้ายอีก”

“ใจร่มๆ โทเศียร” พระลบเข้ามาห้าม

“คนมันแค้นนิ!!

“ถ้าไม่หยุดข้าจะ...อุ้บ!!” ร่างสูงจะพูดต่อแต่โดนมือของโทเศียรปิดปากไว้

“หยุดนะ...อย่าพูดอะไรน่ากลัวออกมานะ”

“แล้วจะมาฟังแผนกันได้ยัง”  พระมงกุฎพูดอย่างเซ็ง

“ได้แล้วจร้า/อื้ม/อื้ม” ตรีศียร โทเศียร และพระลบพูดกันตามลำดับ

“ดี งั้นเราจะเราเริ่มจาก...........”


.........................................................................................................................................................................
เอาล่ะมาอีกตอนแล้ว
สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับโทเศียรตรีเศียรและพระมงกุฎพระลบ
    โทเศียรและตรีเศียรนั้นไม่มีใครวรรณคดีจริงๆ ไรเตอร์แต่งขึ้นเอง(เพื่อนช่วยคิด^^)และทั้งสองแก่กว่าพระมงกุฎพระลบเพราะทศกัณฐ์ท้องทั้งสองโดยที่ตนไม่รู้ตัวในขณะหนีออกมาจาก
ราชวังได้ 3 เดือนจึงรู้ว่าตนท้องและนั้นก็หลังจากที่ไปชุบอินทรชิตด้วย
    พระมงกุฎกับพระลบ จริงๆแล้วไรเตอร์เอามาดัดแปลงในวรรรคดีจริงๆมีเพียงพระมงกุฎส่วนพระลบมาจากที่ฤาษีชุบขึ้นมาตามความต้องการของนางสีดาเพื่อจะได้มาเป็นเพื่อนเล่นกับพระมงกุฎ

 

รามเกียรติ์ yaoi เชลยหัวใจ (พระราม x ทศกัณฐ์) ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

“หมอหลวง ใครก็ได้ตามหมอหลวงมาที ให้ไปที่เรือนสนม”  ตอนนี้ร่างสูงอุ้มร่างบางเข้าวังด้วยความร้อนรนเนื่องด้วยในระหว่างทางร่างบางมีอาการเพ้อและตัวเริ่มร้อนขึ้นดังคนไข้ขึ้นสูง

“ขอโทษ...ข้าขอโทษ..ไม่” ร่างบางมีอาการเพ้อไม่ได้สติแม้จนถึงเตียงนอนในเรือนสนมที่ร่างบางเคยอยู่ในอดีตที่ตอนนี้ยังสะอาดดังเดิมเพราะร่างสูงเป็นคนสั่งให้ทำความสะอาดทุกวัน!

“ทศกัณฐ์ อดทนไว้เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว นะ..นะ  อดทนหน่อยนะ...”  ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าที่กำลังจะร้องไห้ในไม่ช้านี้ โดยสุดอย่างอยู่ในสายตาของหญิงสาว

“ท่านพี่  ท่านพ่อต้องไม่เป็นอะไรแน่”  หญิงสาวเป็นเข้ามาจับไหล่ร่างสูงถึงแม้ว้าตนจะมีสภาพไม่ต่างกัน

“องค์ราม ข้ามา ผู้ใดประชวรหรือ?”  หมอหลวงเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นนิดๆ

“หมอมาแล้วนะ ทศกัณฐ์ เจ้าต้องตื่นมาให้ข้าหึงเจ้านะ  ”  ร่างสูงหันไปกระซิบที่ข้างหูร่างบางที่ตอนนี้สงบลงบ้างแล้วและก่อนจะผละออกนั้นได้จูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน

“ท่านหมอข้าฝากด้วย”

“ขอรับ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“องค์รามขอรับ ตอนนี้คงต้องให้คนป่วยพักผ่อนมากๆ  ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง นอกจากรอยซ้ำตามร่างกาย”

“มันทำไมหรือ”

“คนป่วยมีไข้ขึ้นสูงจากการเจออากาศหนาวเป็นเวลานานแล้วยังมีรอยซ้ำที่มีมากกว่าที่เห็นภายนอก หลักๆจะมีตามตัวลำตัว และข้อเท้ามีอาการเคล็ดด้วย”

“มีเพียงเท่านี้ใช่ไม หมอหลวง”

“มีเท่าที่อาการเด่นชัดขอรับ แต่จะตื่นขึ้นมาเมื่อไรข้ายังไม่ทราบแน่ชัด”

“ขอบใจท่านมาก” หมอหลวงโค้งและเดินออกไป ร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างบางที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียง

“ทศกัณฐ์ รีบๆตื่นขึ้นมาเร็ว ข้ารอเจ้า.....ข้าอยากจะพูดประโยคที่ข้าอยากพูด เมื่อ 6 ปีที่แล้ว” ร่างสูงนั่งคุกเข่ากุมมือร่างบางแน่นดังภาวนา

“เจ้าต้องรีบตื่นขึ้นมา เจ้าต้องตื่นขึ้นมา ทศกัณฐ์” 

 “ท่านพ่อ ท่านต้องอยู่กับข้า ท่านต้องตื่นขึ้นมาเจอลูกคนนี้นะเพค่ะ” ร่างหญิงสาวเดิมมานั่งข้างร่างสูงเฝ้ามองผู้เป็นพ่อแท้ด้วยสายตาเศร้าโศก
.
.
.
.
.
.
.
1 เดือนต่อมา


“จิ๊บๆ “

หือ ที่นี่ที่ไหน’ ร่างบางลืมตาขึ้นมาสอดส่ายมองรอบตัว และต้องตกใจแกล้งหลับเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา

ใครกัน เราถูกขายแล้วหรอ ใคร..ใครเป็นคนซื้อเรากัน’ ร่างบางรอจังหวะที่ตนจะหนีแต่ตกใจมีได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

“ทศกัณฐ์ เจ้าจะนอนอีกนานแค่ไหนกัน”

“.......”

“ รู้ไมมันทำให้ข้าทรมาน ทรมานปางใจของข้าจะแตกเป็นเสี่ยงแล้วนะ ทศกัณฐ์”  ร่างสูงจับมือร่างบางมากุมไว้

“.......”    ร่างบางยังนอนนิ่งอยู่แต่กลับรู้สึกมีน้ำอุ่นๆไหลผ่านมือของตนไปอย่างไม่ขาดสาย

“ได้โปรด....ตื่นขึ้นเถอะนะ...ข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว...ทั้งหมดจริงๆ...ข้ารู้..อึก”

“...”

“ข้าได้ทำความผิดมากมายไว้กับเจ้า...แต่ข้ายัง..ข้ายังกลับโหยหาเจ้า..ข้าคิดถึงเจ้า”

“...”

“ข้าคิดถึง..อึก..ข้าคิดถึงเจ้ามาตลอด 6 ปีเต็ม เจ้ารู้ไมตอนที่เจ้าปลอมตัวเป็นหญิงสาว ทั้งๆที่ข้าควรจะนึกถึงนางแต่ข้ากลับมีแต่ภาพของเจ้าเต็มในหัวเลยล่ะ และตอนที่ข้าบอกรัก ข้ากลับนึกถึงเพียง เจ้าเท่านั้น ทศกัณฐ์”

“...”

“ข้ายังอยาก....ข้ายังอยากจะบอกรักเจ้า..ทศกัณฐ์ ข้ารักเจ้า ได้โปรด...ตื่นขึ้นมาเถอะ..อึกๆๆ ”  ร่างสูงเริ่มร้องไห้หนักขึ้นๆแต่กลับมีสัมผัสนุ่มที่แก้มของร่างสูง

“ข้าก็รักเจ้า รามจันทร์ของข้า”  ร่างสูงตกอยู่ในห้วงแห่งความดีใจ เมื่อร่างบางที่เขาเฝ้ารอตอนนี้กำลังลืมตาและส่งยิ้มมาที่เขากับที่ตอนนี้กำลังจับแก้มเกลี่ยน้ำตา

“ข้า..ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไม ทศกัณฐ์ เจ้า เจ้าตื่นขึ้นมาแล้วจริง”  ร่างสูงกอดร่างบางแน่นเหมือนกลัวว่าร่างบางจะหายไปอีก

“ใช่ ข้าตื่นมาแล้วจริงๆ รามจันทร์ ข้าได้ยินทุกอย่างแล้ว ข้า..ข้ารักเจ้าเช่นกัน” ในตอนนี้ร่างทั้งสูงร่างกอดกันแน่นดังจะไม่มีวันที่จะแยกจากกันอีก

“ท่านพี่ ข้าเอา...ท่านพ่อ!!!” ร่างของหญิงสาว สีดา เดินเข้ามาพร้อมกับสำหรับอาหารแต่เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อของตนฟื้น ได้ทิ้งทุกอย่างและวิ่งเข้ามากอดผู้เป็นพ่อแน่นโดยไม่สนใจร่างสูงเลย

“สะ..สีดา เจ้า”  ร่างบางผู้ตะกุกตะกักอย่างอึ้งๆเมื่อหญิงสาวพูดคำที่ตนอยากฟังมาทั้งชีวิตในฐานะพ่อคน

“ท่านพ่อ ท่านฟื้นแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน ท่านรู้ไม ท่านหลับไปนานมากเลยนะเพค่ะ”
“ขะ.ข้า”
“ท่านนอนมานาน ท่านคงหิวเป็นแน่ข้าจะเอาสำรับมาให้ใหม่นะเพค่ะ” หญิงสาวกำลังจะลุกไปแต่โดนร่างบางรั้งเอาไว้
“สีดา เจ้า..เจ้าไม่โกรธแค้นข้าหรือ ข้าทิ้งเจ้าไปนะ”
“คิกๆ แรกๆข้าแค้นท่านมากเลย แต่ข้ารับรู้ได้ว่าท่านทำไปเพราะความเจ้าเป็น ข้าไม่โกรธท่านหรอก ข้าขอบคุณท่านเสียอีก ท่านทำให้ข้าได้เจอคนที่ดีๆ ท่านได้ทำให้ข้าได้ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ได้ตะลุยป่า และอีกหลายอย่างโดยเฉพาะตอนนี้ข้าเป็นแม่คนแล้ว ข้ากลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ท่านเป็นสอนข้า”

“ข้าสอนยังไงข้ายัง....”

“ท่านทำให้ข้าเห็นว่าการเป็นแม่คนยิ่งใหญ่มาก ท่านเสียสละอะไรมากมายเหลือเกิน ตอนนี้ท่านควรมีความสุขได้แล้ว ท่านพ่อ” หญิงสาวกุมมือผู้เป็นพ่อก่อนเดินออกไป

“ตอนนี้เราเหลือกันสองคนแล้วนะ ทศกัณฐ์ เรามามีความสุขกันดีกว่านะ”

“ดะ..เดี๋ยว ข้าพึ่งหายป่วยเองนะ ม่ายยยยยยย!!!!!!


......................................................................................................................................................................