ตอนที่ 4
5 วันต่อมา
“อะไรกัน แค่บอกว่าไปทำสงคราม แถมยังทิ้งเจ้าจิ้งจอกนี่ให้ข้าเลี้ยงอีก ช่างน่าโมโหจริงๆ” ร่างบางบ่นพร้อมอุ้มเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยสีส้มอมเหลืองขึ้นมา พลางคิดถึงเจ้ามนุษย์กายสีเขียวมรกตที่เพิ่งให้ร่างบางมาเลี้ยงแก้เหงาเมื่อวันก่อน
ย้อยไปเมื่อวันก่อน
“ทศกัณฐ์ เจ้าอยู่หรือเปล่า” ร่างสูงที่ต้องนี้เปิดประตูเรือนสนมเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
“มีอะไรน่ะ รามจันทร์”ร่างบางที่ตอนนี้ยังใส่ชุดกระโปรงของเมื่อคราวก่อนกำลังลุกจากที่นอน
“อะไรกันเนี่ย นอนตื่นสายเป็นเด็กๆไปได้”
“เรื่องของข้าน่า แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรหรอ รามจันทร์” ร่างบางขยี้ตา บงบอกว่าเพิ่งตื่นนอน
“ข้าเอาชุดใหม่มาให้เจ้าไงล่ะ”
“!!!!!” ชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน มีระบายสีดำมีโบว์สีดำอันใหญ่ที่หลัง และถึงแม้จะเป็นชุดที่ตัดเย็บมาอย่างประณีต แต่ร่างบางกลับไม่รู้สึกอย่างใส่เลยสักนิด
“ถะ.ถอยไปเลยนะ” ร่างบางค่อยๆถอยหลังเมื่อเห็นว่าเริ่มมีนางกำนัลรายล้อมเขา พร้อมกับสงครามย่อมๆในเรือนที่มีร่างบางวิ่งหนีเอาเป็นเอาตายกับขบวนของนางกำนัลที่ตามมาติดๆ กับร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่หน้าประตูเรือนสนม
“ท่านทศกัณฐ์ เพค่ะ รอก่อนนะเพค่ะ” สุดท้ายสงครามนี้จบลงด้วยการที่ร่างบางต้องใส่ชุดกระโปรงที่เข้ากับร่างบางกับห่วงที่คออย่างลงตัว
“อึดอัดชะมัดเลย”
“ทศกัณฐ์ เจ้าสวยมากเลยนะ อ่ะ!!” ร่างสูงยื่นสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยให้ร่างบาง
“เจ้าให้ข้าทำไม”
“อีกไม่นานข้าต้องออกไปทำศึกน่ะ ข้าไว้ให้เจ้า เจ้าจะได้เหงาไงทศกัณฐ์”
“เหอะ อย่างข้าน่ะไม่เหงาหรอก ดีซะอีก เจ้าม่อยู่นาะ รามจันทร์”
“ฮ่าๆ ไหนๆข้าก็นำมาแล้วเจ้าก็เลี้ยงมันไว้เถอะ เจ้านี่น่าสงสารจะตายนะ มันพลัดหลงจากมารดาของมันน่ะ”
“....อื้ม เลี้ยงก็ได้”
“ห๊ะ! เจ้าว่าไงนะ”
“ข้าบอกว่าข้าจะเลี้ยง เอามาสิ”
“หึ ปากแข็ง” ระหว่างที่ร่างบางกำลังอุ้มเจ้าจิ้งจิกน้อยร่างสูงได้หอมแก้มไปอีก 1 ฟอด
“เจ้า!!!”
“ฮ่าๆ ข้าไปล่ะทศกัณฐ์ ข้าจะรีบกลับมานะ”
“ไปนานๆเลยไป!!!.......แต่เจ้าต้องกลับมานะ”ประโยคสุดท้ายร่างบางได้ลดเสียงลง เมื่อกับพึมพำกับตนเอง
ย้อนมาที่ปัจจุบัน
ร่างบางที่ตอนนี้จ้องมองเจ้าจิ้งจอกน้อย ก็พาลนึกถึงใครบางคน
“ไม่ๆๆๆๆๆ ไม่คิดๆๆ ข้าไม่ได้คิดถึงเจ้ามนุษย์บ้านั้น!!” ร่างบางพยายามส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นไป แต่ว่ากลับได้ยินเสียงในหัวนั้นดังขึ้น
“ท่านผู้มีพระคุณๆๆ” ร่างบางได้แต่หันซ้ายขวา...ไม่พบใคร ได้แต่กลับมาจ้องจิ้งจอกก่อนจะเข้าใจ
“เจ้าเองสินะ เจ้าชื่ออันใดล่ะ?”
“ข้าชื่อ เซยะ ข้าหลงกับมารดา ตอนที่กำลังจะตายเพราะความหิว ท่านมนุษย์ที่มีกายสีเขียว ได้ช่วยข้าไว้ ท่านชื่ออะไรหรอขอรับ”
“ทศกัณฐ์”
“ข้าติดหนี้ชีวิตท่าน ขอให้ข้าได้เป็นทาสรับใช้ท่านไปชีวิตนะขอรับ”
“เจ้าหมาน้อย เจ้าไม่คิดจะกลับหามรดาของเจ้าหรือ?”
“ไม่ขอรับ อยู่ที่นี้ข้าจะได้อยู่เป็นเพื่อนท่านขอรับ”
“ข้าไม่เหงานะ”
“ขอรับ แต่ว่าตอนนี้ท่านต้องพึ่งข้าขอรัอ ท่านมุษย์ผู้นั้นกำลังตกอยู่ในอันตรายขอรับ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าสามารถรู้อดีตกับอนาคตของผู้ที่แตะตัวข้าขอรับ รวมถึงท่านด้วยขอรับ”
“.....ลูกข้าที่เกิดกับนางมณโฑ ชื่ออะไร”
“ชื่อ รณพัตร ภายหลังเปลี่ยนเป็น อินทรชิต และอีกไม่น่าจะให้กำเนิด ไพนาสุริยวงศ์ ภายหลังจะเปลี่ยนเป็น ทศพิน”
“อึก ขะ.ขะ.ข้าต้องไปช่วย เจ้าช่วยข้าได้ใช่ไม?”
“ขอรับ”
“เราต้องไปที่เมืองใดกัน เซยะ”
“กรุงลงกาขอรับ” เมื่อสิ้นคำขานร่างของจิ้งจอกน้อยกลายเป็นจิ้งจอกขนาดใหญ่และมีหางเพิ่มมาอีก 8 หาง ร่างบางยิ้มอย่างพอใจก่อนจะให้เซยะกัดโซ่ออก และกระโดดขี่หลัง ทั้งคู่กระโดดออกนอกกำแพงวัง ร่างบางไม่ลืมที่จะฉวงหอกของทหารหน้าวังมาด้วย
ด้านพระราม
“ทุกคนบุก!!!” ร่างสูง สง่า บัญชากองทัพหลายร้อยคนประจัญบานเพื่อปกป้องกรุงลงกา จากทัพของท้าวมหาบาล ผู้เป็นสหายคนสนิทของทศกัณฐ์ ได้ยกย่างตราเพื่อมาทวงกรุงลงกาและทศกัณฐ์คืน แต่ด้วยพิเภกได้ตรวจด้วยชะตาของตนเองเลยส่งนกสื่อสารมาได้ทันเวลา ร่างสูงยกทัพไปช่วย แต่ด้วยความที่ท้าวมหาบาลนั้นได้พรจากพระอิศวร หากจะฆ่าต้องแหวะเอาดวงใจมาขยี้ให้แผลก
และทหารที่แข็งแกร่งนั้นทำให้กองทัพของทั้งสองต่อสู้อย่างสูสีจนแม่ทัพของทั้งคู่ต้องต่อสู้ตัวต่อตัว โดยมีทหารทั้งสองฝ่ายล้อมรอบไว้
“ท้าวมหาบาลของว่าท่านกลับไปเถอะ ถ้าหากท่านไม่กลับอาจจะไม่กลับอีกนะ”
“ข้าไม่คิดจะหนี ข้ามาทวงกรุงลงกาและสหายของข้าคืน!!” ทั้งสองขับม้าฟาดฟันกันอย่างไม่ลดละ ฝีมือดาบและการขับม้าสูสีกันอย่างดูไม่ออกเลยว่าใครจะชนะ แต่ว่าทั้งคู่ต้องชะงักเมื่อม้าของทั้งคู่กลับมีกิริยาเหมือนกำลังมีสิ่งๆหนึ่งที่น่าหวาดกลัวกำลังมา แต่ทั้งคู่หาสนใจไม่ ลงจากม้ามาประลองดาบต่อ ทั้งคู่ฟาดฟันกัน ทั้งคู่พลัดกันเป็นฝ่ายได้เปรียบและเสียเปรียบ แต่ว่าองค์รามเกิดเสียหลักทำให้ท้าวมหาบาลได้โอกาศเสียที่จะฟัน แต่ตั้งชะงักเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เค้ามาทวงกับองค์ราม
“ทั้งคู่หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!” ร่างสูงทั้งสองได้หันมองร่างบางที่ตอนนี้กำลังขี่จิ้งจอก 9 หางที่มุ่งหน้ามาที่สนามรบแห่งนี้ ก่อนจะกระโดดผ่านเหล่าทั้งทั้งหลายมาตรงหน้าของแม่ทัพทั้งสอง
“ทศกัณฐ์เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ ข้าบอกให้เจ้ารอข้าที่เรือนไง!!”
“อะไรกะน คนเข้าอุตส่าห์มาช่วยนะ สำนึกสักมั้งสิ!!”
“อะ.เอ่อ” ร่างของท้าวมหาบาลได้แต่ยืนมองคนหนึ่งคนกับยักษ์อีกหนึ่งตนที่กำลังถกเถียงกันอย่างเหมือนกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
“อ้อ มหาบาล เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าน่ะสบายดี ถ้าไม่มีเจ้านี่อยู่นะ”
“ทศกัณฐ์ ชุดเจ้ามัน....”
“ขะ.ข้าไม่รสนิยมอย่างนี้นะ เพราะไอ้เจ้ามนุษย์ที่สมควรตายคนนี้ ข้าไม่เกี่ยวนะ”
“อะไรกันทศกัณฐ์ ถ้าหากข้าไม่อยู่แล้วใครจะเป็นสามีให้เจ้ากันล่ะ”
“เจ้า!!!” ร่างบางได้แต่หน้าแดงจัด ชี้หน้าร่างสูงที่แสยะยิ้มอย่างคนมีชัยไม่สนใจคนรอบข้างที่ตอนนี้ได้ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกไม่เว้นแม้กระทั่งท้าวมหาบาลที่ ตอนนี้ยืนแข็งค้างไปเรียบร้อยแล้ว
“เอาเถอะ เรามาสงบศึกชั่วคราวก่อนล่ะกัน เพราะตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะทำศึกแล้ว ตอนนี้ข้าอยากจะกอดเจ้ามากๆเลยนะ ทศกัณฐ์” ไม่ว่าเปล่าร่างสูงเดินเข้าไปอุ้มร่างบางในท่าเจ้าหญิงเดินเข้าวังของกรุงลงกาโดยมีเซยะในร่างจิ้งจอกน้อยเดินตามหลังไปปล่อยให้ทุกคนยืนอึ้งอยู่ด้านนอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น