วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

รามเกียรติ์ yaoi เชลยหัวใจ (พระราม x ทศกัณฐ์) ตอนที่ 8

ตอนที่ 8
....6 ปี ต่อมา
"เร่เข้ามาๆๆ วันนี้มาการแสดงรอบเดียวเท่านั้นบัตรมีจำกัดเพียงร้อยใบเท่านั้นนะจ๊ะ เรเข้ามาๆ"  เสียงของโรงละครภายในเมืองอโยธยาที่ตอนนี้กำลังดังด้วยรูปโฉมอันงดงามและเสียงอันไพเราะของผู้ขับขานการแสดง
.
.
.
"ท่านพ่อใกล้เวลาแสดงแล้วนะขอรับ"
"อื้ม เจ้าก็ต้องเตรียมตัวเช่นกันนะ รณพัตร"
"ขอรับ"  ร่างบางในชุดกระโปรงยาวเดินออกจากห้องแต่งตัวทิ้งชายหนุ่มหน้าคมติดหวานดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับผมดำสนิทตัดไว้ประมาณบ่าและสวมชุดทั่วไปของชาวบ้านมองตามบิดาไปจนหายไปหน้าเวทีและต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงของเด็กขัด
"ท่านพี่ๆ หากท่านไม่รีบเปลี่ยนชุดท่านจะไม่ทันการแสดงนะ"  เด็กชายแฝดคู่พูดพร้อมกันอย่างร่าเริง
"จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ โทเศียรตรีเศียร" ชายหนุ่มลูบหัวเด็กทั้งสองแล้วอย่างอ่อนโยน
.
.
.
.
[ทางด้านพระราม]
"ทศกัณฐ์เจ้าไปอยู่หนใดกัน"  ร่างสูงของเจ้าเมืองอโยธยาเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างพร้อมนึกถึงยักษ์จอมพยศ

'นี่ ก็ผ่านมา 6 ปีแล้ว เจ้าไปหลบซ่อนตัวที่ใดกัน....ข้าให้ทหารตามหาเจ้าทุกหนทุกแห่งแล้วนะ เจ้าอยู่หนใดกัน'

"เราต้องทำอะไรบ้างแล้วล่ะ" เสนาธิการคนสนิทปรึกษากันอย่างเป็นห่วงนายของตนที่มีชีวิตดังตุ๊กตาตั้งแต่เชลยยักษ์นั้นหนีไป

"อ่า ข้ามีความคิดดีๆขอรับ ท่านฝ่ายขวา"
"ตอนนี้มีโรงละครที่กำลังมากๆอยู่ในเมืองเราจะเชิญคณะของเขามาเล่นนะขอรับ"
"อื้ม....เป็นความคิดที่ดี"
"งั้นข้าจะไปรายงานนะ"
.
.
.
วันต่อมา

"องค์รามขอรับ การแสดงจะเริ่มแล้วขอรับ"
"อื้ม.."ร่างสูงของเจ้าเมืองอโยธยาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
.
.
เวลาแสดง
       สถานจัดงานคือท้องพระโรงที่กว้างและสวยงามในการแสดงได้หันหน้าเข้าทางบันลังของร่างสูงและภรรยาของเขา สีดา ที่บัดนี้ได้ในกำเนิดบุตรชายฝาแฝด พระมงกุฏและพระลบนั่งขนาบข้างของร่างสูง ด้านหน้าที่ประทับนั้นมีเครื่องดนตรีที่ร่างสูงไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อนมันเป็น มันมีขนาดที่ใหญ่ มีลักษณะคล้ายโต๊ะ แต่ว่ามันกลับมาปุ่มสีขาวดำสลับกันไป เมื่อการแสดงเริ่มขึ้นมีร่างบางของสตรีใส่ชุดกระโปรงสีขาว ด้านในมีเสื้อซับสีดำครึ่งตัวด้านหลังมีโบว์สีดำขนาดใหญ่อยู่ซึ่งมันเข้ากับหน้าที่คมติดหวาน ดวงตากลมโตสีดำสนิทเป็นประกาย ริมฝีปากเรียวบางเป็นกระจับ และยังมีชายหนุ่มอายุประมาณ 18 - 20ปี หน้าตาคมคายที่ติดหวานละมาดคล้ายเหมือนกับร่างบางก่อนหน้านี้เดินออกมาก่อนจะโค้งคำนับก่อนเข้าประจำตำแหน่งโดยมีชายหนุ่มเป็นคนบรรเลงเครื่องดนตรีและมีร่างบางเป็นผู้ขับร้อง

เจ้าดอกไม้ บานงอกงามเรียงราย โปรดบอกกับฉัน แค่ซักคำ ต้องการแค่นั้น
เหตุใดเหล่าผู้คน เข่นฆ่ากันไม่มีเหตุผล เฝ้าทำร้ายทุกคน เพื่อนพ้อง
เจ้าดอกไม้ บานงอกงามสง่า อยู่ที่ตรงนั้น ภาพใดที่เธอมองเห็น
เหตุใดเหล่าผู้คน ไม่อาจยอมและฟังเหตุผล ให้อภัยทุกคน รอบกาย

เมื่อลมฝนแผ่วลงหายไปเมื่อใด ฤดูร้อนสีครามมาเยือน ธรรมชาติสร้างมันให้เป็นไป
ตรงหน้าฉันนั้นยังมีเธอ ยืนสั่นกลัวแม้เพียงบางเบา ด้วยความเงียบงัน อยู่ลำพัง

อา เพื่อนฉัน เมื่อถึงวันแห้งเหี่ยว อารมณ์อย่างไร เรื่องใดที่เธอเฝ้าคิด
จะบอกรักที่มีเช่นไร ด้วยก้านใบที่ดูเงียบเหงา ไม่อาจจะพูดไปได้อย่างคิด

อา...

ดวงอาทิตย์หน้าร้อนสีทองสาดส่อง ลมพายุฝนเริ่มสงบ ธรรมชาติสร้างมันอยู่ด้วยกัน
จะขับขานร้องเพลงเพื่อเธอ ที่ไม่มีแม้ชื่อตัวเอง พิสูจน์ว่าเธอมีตัวตน เรื่อยมา
 เมื่อการแสดงเริ่มขึ้นหญิงสาวขับร้องเสียงหวานอันไพเราะทุกคนต่างจ้องมองร่างบางไม่เว้นแต่ร่างสูงของเจ้าเมืองอโยธยา

'นางเป็นใครกัน เหตุใดช่างรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้'

   เมื่อการแสดงจบลงร่างสตรีและชายหนุ่มกลับลงคุกเข่า ร่างสูงของเจ้าเมืองจ้องมองพิจรนาสักผักก่อนจะเอ่ยถาม

"แม่นางเจ้ามีชื่อว่าใดหรือ?"
"ข้าชื่อว่า บุษบา ส่วนนี้น้องชายข้าชื่อ อินทราเพค่ะ"
"เจ้าเป็นคนแห่งหนใดหรือ?"
"พวกข้าเป็นเด็กกำพร้าพวกข้าโดนเก็บมาเลี้ยงและมีชีวิตด้วยการเต้นกินรำกินเพค่ะ"
"อ่า แล้วเครื่องดนตรีที่พวกเจ้าบรรเลงนั้น ชื่ออันใดหรือ ข้าไม่คอยพบไม่เคยเห็น"
"มันมีชื่อว่า เปียโน เป็นเครื่องดนตรีของชาวตะวันตกเพค่ะ"
"อืม เจ้าช่วยมาบรรเลงที่นี้สัปดาห์ล่ะครั้งได้หรือไม่"
"ถ้าหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ท่านประสงค์ ข้ายินดีที่จะมาแสดงเพค่ะ" ร่างบางกับร่างสูงสนทนากันอย่างลืมตัวโดยไม่ได้สังเกตุสั่นน้อยๆของหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างกับหน้าของทหารเอา หนุมาน ที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วจนจะผูกกันเป็นโบว์

   หลังจากการแสดงและพูดคุยเสร็จสิ้น

"แม่นางข้าขอยืมตัวน้องชายท่ายสักพัก พอดีข้ามีธุระกับน้องชายของท่านนิดหน่อย"     ร่างสูงของวานรขาวเผือก พูดกับร่างบางด้วยคำพูดสุภาพแต่ดวงตากลับจ้องร่างชายหนุ่มไม่วางตา

"ได้สิ อินทรา เสร็จแล้วก็รีบตามมานะ" ร่างบางพูดเสร็จมองวายรด้วยสายตามีเลศนัยแวบหนึ่งก่อนเดินกลับเข้าคณะโรงละครของตน

"เจ้าตามข้ามา"  ร่างของวานรพาชายหนุ่มไปยังสถานที่ที่ลับตาคนก่อนจะหยุดลง
"เจ้ากลับมาได้อย่างไร อินทรชิต"
"ท่านพูดอะไรขอรับ ข้าชื่อ อินทร...."
"ไม่ต้องมาทำไขสือ ข้าจำกลิ่นของเจ้าได้!!!"
"อึก..."
"เจ้ากลับมาได้อย่างไร เจ้า..เจ้าที่ตายไปแล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่"
".......จริงๆแล้วข้าตายไปแล้ว แต่ข้าคืนชีพขึ้นมาโดยท่านพ่อ ท่านพ่อแสดงการร่ายรำต่อหน้าพระพรหมแลกกับข้าฟื้นคืนมา”

“แม่หญิงคนนั้นคือ ทศกัณฐ์ งั้นหรือ ข้าจะไปบอกองค์ราม”

“เดี๋ยวก่อน!!!” ชายหนุ่มรีบจับข้อมือของวานรโดยไว ร่างสูงของวานรเผือกจะสะบัดมือของยักษ์ร่างบางออกแต่มือของยักษาที่กำลังจะถูกสะบัดนั้นกลับสั่นอย่างตื่นกลัว

“จะ..เจ้า”

“ขอร้องล่ะ..อึก..ได้โปรด อย่าเอาไปบอก พระรามเลย ข้าขอร้อง”

“.........” ร่างสูงของวานรทำสิ่งใดไม่ถูกนอกจากกอดปลอบยักษาที่ครั้งอดีตเป็นยักษ์จอมอวดดีเนิ่นนานจนร่างบางหายสั่น

“หนุมานท่านมีเรื่องที่จำเป็นที่ต้องรู้”

“อะไร”

“สีดา..นางสีดา เป็นธิดาของท่านพ่อกับท่านแม่ และเป็นน้องสาวของข้าด้วย”

“.......”

“และยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คือ ท่านพ่อมีบุตรแฝดกับพระรามของเจ้า...”

“....” ร่างของวานรทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่ ก่อนจะรีบตั้งสติกล่าวถามกลับไป

“จะ.เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไม อินทรชิต  ทะ.ทศกัณฐ์ เป็นบุรุษนะ บุรุษจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร”  วานรเผือกพยายามหาข้ออ้างออกมา

“มันก็จริงอยู่  แต่ว่าตระกูลของเรามีตำนานว่าหากบุรุษผู้ใดถูกกระทำดังสตรี บุรุษผู้นั้นจะสามารถตั้งครรภ์ดังสตรีได้”

“....ถ้าอย่างนั้น  เจ้าก็ด้วยหรือ”

“ใช่ ข้าด้วย อ่ะ!! ทะ.ทำอะไรของเจ้าน่ะ!!”  จู่ๆวานรก็โผเข้ากอดร่าบางของยักษ์

“ข้าดีใจจัง”

“ดะ.ดีใจอะไรของเจ้า ขะ.ข้าเป็นศัตรูเจ้านะ”

“ตั้งแต่ที่เจ้าตายไป มันทำให้ข้ารู้สึกน่ะ ว่า ข้ารักเจ้า เข้าให้แล้ว”  คำพูดของวานรเผือกทำให้ยักษ์ร่างบางหน้าแดงจัด

“จะ.เจ้ามันบ้า ขะ.ข้าจะกลับแล้ว!!” ร่างบางรีบผลักร่างของวานรออกก่อนจะวิ่งกลับไปที่คณะละครโดยมีวานรยืนอมยิ้มมองร่างบางจนสุดตาแต่ว่าทั้งสองกลับไม่รู้ว่ามีร่างบางในชุดกระโปรง ร่างหนึ่งแอบฟังทั้งคู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น